ความคืบหน้าของช้างป่าที่ได้รับการบาดเจ็บขาหลัง 2 ข้าง ภายหลังจากที่ถูกน้ำป่าพลัดตกน้ำคลองชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก และถูกส่งตัวมารักษาที่ ที่สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ จังหวัดลำปาง โดยวันนี้ ยังอยู่ภายในคอกที่ทางทีมสัตวแพทย์จัดพื้นที่ไว้ มีการนำเชือกมากั้นบริเวณที่ และห้ามบุคคลภายนอกเข้า ยกเว้นเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุดคณะทีมสัตวแพทย์ที่บูรณาการร่วมกันระหว่างสถาบันคชบาลแห่งชาติฯ ออป. , มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ประชุมด่วน เพื่อวางแผนในการเยียวยาและประเมินอาการ หลังจากเมื่อเย็นวันที่ 20 ตุลาคม ได้มีการใช้เครื่องอัลตราซาวด์ตรวจอาการ พบว่าบริเวณไขสันหลัง ที่เอวมีช่องที่เป็นน้ำ อาจจะเป็นเลือดหรือน้ำเหลืองที่คั่งในส่วนของเนื้อเยื่อ จนทำให้ขยับขาหลังไม่ได้ ต้องให้ยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบ เพื่อไม่ให้อาการทรุดตัว และเตรียมกระตุ้นไฟฟ้าเพื่อไม่ให้เซลล์ประสาทกระดูกไขสันหลังตาย โดยเลี่ยงการผ่าตัดเพราะช้างตัวใหญ่ผ่าตัดไม่ได้เพราะอาจจะทำให้ช้างติดเชื้อและไม่มีอุปกรณ์มาช่วยยึดและดามหลังช้างไม่ให้ช้างเคลื่อนหรือขยับได้ จึงต้องใช้วิธีให้ยาและปรับพื้นที่ในการนอนของช้างคือทำให้นุ่มที่สุดโดยการใช้หญ้าแห้งฝอยมาปูพื้นให้สูงเพื่อให้ช้างพิงและทับได้เพื่อป้องกันแผลกดทับ
โดยทั่วไปอาการของช้างยังมีคงทรงตัว แต่ยังไม่กินอาหาร สัตวแพทย์ต้องให้ให้สารน้ำตลอดทั้งวันถึง 60 ลิตร แต่ยังคงไม่เพียงพอ เตรียมเพิ่มปริมาณสารน้ำเป็นวันละ 100 ลิตร เพื่อป้องกันการอ่อนเพลีย ส่วนการรักษาอื่นๆ ต้องมีการประเมินอาการกันวันต่อวัน ซึ่งอุปสรรคที่สำคัญในการรักษา คือสัตวแพทย์ต้องใช้ความระมัดระวังในการเข้าตรวจอาการ เพราะเป็นช้างป่า รวมถึงเรื่องอุปกรณ์ในการรักษาเนื่องจากปกติจะไม่มีอุปกรณ์เฉพาะรักษาช้าง จำเป็นต้องมีการดัดแปลงอุปกรณ์เครื่องมือใหม่ทั้งหมด