โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

สมคิด : ผันเงินโลกสู่ชุมชน 2018 เศรษฐกิจแข็งแรงรุกเร็ว-รุ่งเรือง

ประชาชาติธุรกิจ

เผยแพร่ 19 พ.ย. 2560 เวลา 00.30 น.
55

“ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนาแห่งปี “THAILAND 2018 จุดเปลี่ยนและความท้าทาย” จัดโดย “ประชาชาติธุรกิจ” เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

2018 โอกาสไทยในอาเซียน 

ประเทศไทยในปี 2018 ปีนี้มีความพิเศษ จะเป็นปีแห่งความเปลี่ยนแปลง พลิกผัน เป็น turning point เชื่อมั่นว่าปี 2018 จะเป็นปีที่ต้องจับตามองให้ดี เพราะเป็น “ปีแห่งโอกาส” ของคนไทยให้กลับมา “รุ่งเรือง” อีกครั้งหนึ่ง

หากสังเกตได้จากภายนอกเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสภายใน จากท่าทีของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 25 ที่เวียดนาม และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31 ที่ฟิลิปปินส์ เป็นเวทีการประชุมเพื่อการหารือเรื่องการค้าเสรีร่วมกันที่ใหญ่ที่สุด สาระหลักของการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ อยู่ที่การหา “พันธมิตรแห่งอนาคต”

จากเดิมเป็นความร่วมมือระหว่างอาเซียน +3 อาเซียน +6 แต่ครั้งนี้พิเศษ เพราะเป็นความร่วมมือระหว่างอาเซียน +1 อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยมีอาเซียนอยู่ “ตรงกลาง”

ประเทศยักษ์ใหญ่เหล่านี้ต้องการแย่งชิงเพื่อเข้ามามีบทบาท เพื่อผูกพันเป็นพันธมิตรแห่งอนาคตร่วมกันในภูมิภาคอาเซียน

การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจถ่ายโอนจากยุโรป อเมริกา มายังเอเชีย จีนผงาดขึ้นมาได้อย่างงดงามและประกาศความยิ่งใหญ่ ความพร้อมในการเป็นผู้นำแห่งอนาคตข้างหน้า

ตามภาพรวมของภูมิภาคอาเซียนที่มีประชากร 620 ล้านคน มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา 6-7% จากความสงบที่เริ่มเกิดขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เป็นประโยชน์กับทุกประเทศ อาเซียนจึงเป็น “หัวใจ” ของเอเชีย ไม่เฉพาะมิติเศรษฐกิจแต่รวมถึงด้านการเมืองและความมั่นคง เพราะฉะนั้นโอกาสจึงมาสู่ประเทศในอาเซียนโดยไม่อาจปฏิเสธได้

แข็งแรง รุกเร็ว เป็นหนึ่งเดียว 

โดยมี “จุดตัด” อยู่ที่ประเทศไทย โดยเฉพาะการเจริญเติบโตในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม) เมื่อเพื่อนบ้านเติบโต เท่ากับประเทศไทยได้ประโยชน์ โอกาสจึงเป็นของประเทศไทยอย่างแท้จริง

จากสถิติการค้าและการลงทุนในรอบหลายปีที่ผ่านมาของอาเซียน เทียบกับปัจจุบันเพิ่มขึ้นราว 300% ไม่นับรวมในอนาคต ที่จีน ญี่ปุ่น ไต้หวันและฮ่องกง จะแห่แหนมาลงทุนในอาเซียนแน่นอน

สิ่งสำคัญในการเปลี่ยนโอกาสให้กลายเป็นความจริง ปัจจัยที่ 1 ตัวเราเองต้องแข็งแรง ปัจจัยที่ 2 ต้องมีพลังผนึกเป็นหนึ่งเดียว ปัจจัยที่ 3 ต้องเขยื้อนตัวเองให้เร็ว move fast กว่าประเทศข้างเคียง เพื่อดักทางอนาคต การรุกให้เร็วจึงเป็นสิ่งสำคัญ

3 ปีที่ผ่านมา ไทยมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) จาก 0.8% ปัจจุบันคาดว่า GDP ทั้งปีจะขยายตัว 3.8%

ผลการจัดอันดับทางเศรษฐกิจของหลายองค์กรระหว่างประเทศดีขึ้นเป็นลำดับ อาทิ WEF IMD World Bank แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยไม่แพ้ประเทศใดในภูมิภาคอาเซียน

ขณะนี้ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นทุก factor ทำให้เกิดความกล้าที่จะบริโภคและลงทุน ได้แก่ การส่งออกขยับเป็นขาขึ้น ดีขึ้น

การลงทุนจากต่างประเทศ ขอให้เชื่อมั่นนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศตลอด 1 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการ “โรดโชว์” ดึงนักลงทุนจากญี่ปุ่นและจีน

ขอให้จับตาอีก 2 ประเทศที่จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ได้แก่ ไต้หวัน และฮ่องกง ซึ่งตัดสินใจตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง หรือ ETO ในประเทศไทยแทนเวียดนาม

การท่องเที่ยว หากสามารถผลักดันขยายไปสู่ชุมชนและเมืองรองได้ พร้อมกับการขยายสนามบินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจะทำให้เม็ดเงินหมุนลงไปสู่ชนบท

ภาพที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ผลจากการขยายตัวของ GDP ไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ เมื่อถึงจุดหนึ่งจะเป็นสปริงบอร์ดที่ดีที่สุดให้รักษา momentum ไปถึงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ในปีหน้า

อย่างน้อยที่สุดหาก GDP ในปีนี้แตะ 4% ได้ ในปีหน้า GDP จะทะลุ 4-5% และเมื่อ GPD เกิน 4% จะสามารถไปต่อได้และต้องรักษาเสถียรภาพให้มั่นคง ฉะนั้นต้องช่วยกันประคับประคอง เชื่อว่าปีหน้าฟ้าจะ “สดใส” กว่าปีนี้

ปลดล็อกงบฯท้องถิ่น 2 แสนล้าน 

ในการหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในปี 2018 ตั้งใจให้เศรษฐกิจข้างล่างมีเงินหมุน มีงานทำ โดยเฉพาะเศรษฐกิจรากหญ้านอกภาคการเกษตร ด้วยการปลดลอกงบประมาณท้องถิ่นราว 2 แสนล้านบาท เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นำเงินไปทำโครงการพัฒนาในท้องที่ ให้เกิดการจ้างงาน ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน วิสาหกิจชุมชนและดูแลผู้สูงอายุ เพื่อให้เศรษฐกิจข้างล่างขับเคลื่อนต่อไป สั่งการและทวงการบ้าน ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดทำโครงการเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เสริม ผ่านฐานข้อมูลจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

โดยการจ้าง-เจาะจงพื้นที่-ชี้เป้าให้ปลูกพืชผลตามความต้องการของตลาด ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง จ่ายค่าจ้างในการปลูกพืชในที่ดินของตัวเอง เช่น กล้วยหอม มะพร้าว นำสินค้าไปจำหน่ายในร้านธงฟ้าประชารัฐและร้านค้าโมเดิร์นเทรด

บูมชุมชนค้าขายออนไลน์

ปี 2018 ต้องมีการค้าขายออนไลน์ผ่านระบบอีคอมเมิร์ซในชุมชน หากภาครัฐไม่ทำจะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนดำเนินการแทน เช่น Lazada และ JD.COM เข้ามาทำแทน ถ้าสามารถทำได้จะทำให้คนยากจนกว่า 4.8 ล้านคน พ้นจากเส้นความยากจน โดย ธ.ก.ส.และธนาคารออมสินต้องเป็นหน่วยงานหลักสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และได้สั่งการให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดึงนักท่องเที่ยวไปในชุมชน งบประมาณต้องเข้าไปพัฒนาชุมชนเพื่อให้เกิดการจ้างงานภาคบริการและท่องเที่ยวรองรับแรงงานในระยะยาว

ปีหน้าจะเป็นปีของการ “อุดช่องว่าง” ระหว่างคนจนกับคนรวยและ “ปิดจุดอ่อน” ให้ท้องถิ่นเข้มแข็งขึ้น

ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างคิด “มาตรการพิเศษ” ในปีหน้าเพื่อให้คนไทย “หายจน”

ฉะนั้น ในปีหน้ารัฐบาลต้องการนำเงินไปสู่รากหญ้าให้มาก เม็ดเงินจะหมุนเวียนลงไปสู่ท้องถิ่น

EEC ก้าวกระโดดรัฐบาลใหม่

ประเทศไทยจะต้อง move fast เพราะโลกกำลังหมุนเข้าสู่ยุคดิจิทัล โครงการระเบียงศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เป็นโครงการแห่งอนาคตประเทศไทย โครงการใหญ่ เช่น รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง สนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ต้อง โครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออก จะเกิดขึ้นแบบ jump start ต้องเปิดประมูลให้ได้ไม่เกินไตรมาส 2 ปีหน้า

การันตีได้เลยว่า โครงการ EEC จะแจ้งเกิด มีการอนุมัติกรอบเงินลงทุนทั้งหมดไว้แล้ว 1.5 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี เพื่อรองรับการสร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ไม่ว่าใครจะมาหรือใครจะไปทางการเมือง (เปลี่ยนรัฐบาล) สิ่งเหล่านี้จะเป็นรากฐานให้อยู่ต่อไป

ในปีหน้าอินเทอร์เน็ตจะครบทุกหมู่บ้าน ทุกโรงเรียน โรงพยาบาล เพื่อให้พื้นที่ห่างไกลได้รับข้อมูล เข้าถึงการศึกษาและสาธารณสุข

โดยเฉพาะนโยบาย National e-Payment ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ จะเป็นตัวปฏิวัติการใช้จ่ายของภาครัฐและเอกชน ร้านค้าโชห่วยจะเป็น outlet ของการค้าขายสินค้าท้องถิ่น งบประมาณยิงตรงเข้ากระเป๋าประชาชน ลดขั้นตอนอำนวยความสะดวกและไม่ให้เกิดคอร์รัปชั่น

ขอให้มีสติ ปี 2018 เป็นปีที่สำคัญ ไม่ใช่ปีแห่งการห้ำหั่นกัน

การเมืองสร้างชาติได้ ต้องสามัคคีกัน ก้าวข้ามให้ได้ ทำสิ่งที่ควรทำ ประเทศไทยจะเจริญไปอีกนาน ขอให้มั่นใจว่า ปี 2018 ดีแน่นอน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0