กรณีน.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ถูกคนร้ายแก๊งโรแมนซ์สแกม นำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร ไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย เพราะคนร้ายที่ลงมือในลักษณะของการหลอกลวงเหยื่อทั้งแก๊งโรแมนซ์สแกม และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยังคงอาละวาดสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งคนร้ายส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชีย จะอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือสถาบันการเงิน แล้วโทรศัพท์มาหาผู้เสียหาย เพื่อข่มขู่ว่ามีความผิดให้ผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัว แล้วจะเสนอให้ความช่วยเหลือด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ โดยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐสามารถช่วยให้เรื่องที่ข่มขู่ไว้สำเร็จด้วยดี
ขณะที่แก๊งโรแมนซ์สแกม ซึ่งจะเป็นชาวต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนผิวสี ที่มักจะใช้วิธีอ้างว่ามาหาคู่กับสาวไทย โดยจะใช้วิธีการแต่งโปรไฟล์ ในเฟสบุ๊ก หรือ เวปไซต์หาคู่ ให้ตัวเองดูดี มีความน่าเชื่อถือ ร่ำรวย เช่นเป็นนักธุรกิจ ทหาร หรือ วิศวกร ใช้ถ้อยคำอ่อนหวาน หว่านล้อมให้หลงรัก แล้วจะหลอกลวงเหยื่อว่าจะให้ทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง เช่นที่ดิน เครื่องประดับ สิ่งของ แต่จะอ้างว่าติดปัญหาด้านศุลกากร หรือปัญหาด้านภาษี หรือมีปัญหาในการส่งมอบฃ
หลังจากนั้นทั้ง 2 วิธีจะให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีปลอมที่ขบวนการเปิดไว้ ซึ่งที่ผ่านมา ปปง. พบว่า มีบัญชีธนาคารที่เข้าข่ายถูกใช้โดยแก๊งลักษณะนี้นับแสนบัญชี แม้จะมีการจับกุมแก๊งโรแมนซ์สแกม และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังพบมีการหลอกลวงในลักษณะนี้อีกเป็นจำนวนมาก มีความเสียหายปีละหลายพันล้านบาท
เจ้าหน้าที่ระบุว่า วิธีการป้องกันการตกเป็นเหยื่อ เมื่อผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้ตั้งสติให้ดี อย่ากลัวกับคำข่มขู่ พยายามตรวจสอบกับหน่วยงานที่คนร้ายแอบอ้างให้ชัดเจน ส่วนผู้เสียหายที่ติดต่อกับแก๊งโรแมนซ์สแกม ต้องตรวจสอบประวัติให้ชัดเจน อย่าหลงเชื่อโปรไฟล์ที่ดูดี ห้ามให้ข้อมูลส่วนตัว และห้ามโอนเงินเด็ดขาด พร้อมย้ำเตือนว่า หน่วยงานของรัฐไม่มีนโยบายแจ้งเรื่องผ่านทางโทรศัพท์
ที่สำคัญคือการแชร์ข้อมูลและให้ความรู้กับญาติพี่น้อง โดยเฉพาะคนแก่ใกล้วัยเกษียณ และกลุ่มแม่บ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของแก๊งเหล่านี้
