เรื่อง: พล อิฎฐารมณ์ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ประเทศเยอรมนีถูกแบ่งเยอรมนีตะวันตกฝั่งโลกเสรี กับเยอรมนีตะวันออกที่อยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ ทั้งสองประเทศต่างมีประวัติศาสตร์รวมกัน ก่อนการแบ่งค่าย สถานภาพของผู้หญิงเยอรมันไม่ว่าจะอยู่ฝั่งไหนก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก หน้าที่หลักๆ ของพวกเธอก็คือการดูแลเด็ก ทำกับข้าว และเข้าโบสถ์ แต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อเนื่องถึงสงครามเย็นก็ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างทางสังคมอย่างมากในฝั่งตะวันออกค่ายคอมมิวนิสต์ เมื่อผู้หญิงก้าวขึ้นมามีบทบาททางสังคมมากขึ้น และนั่นก็อาจจะเป็นผลที่ทำให้พวกเธอมี “ความสุขสมทางเพศ” ยิ่งกว่าหญิงชนชาติเดียวกันในฝั่งตะวันตก
โปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อของโซเวียตต้นแบบประเทศคอมมิวนิสต์ที่พยายามส่งเสริมบทบาทของผู้หญิง (เผยแพร่เมื่อปี 1924) “หลายคนคงยังจำกันได้ว่าผู้หญิงจากฝั่งตะวันออกเคยได้เพลิดเพลินไปกับสิทธิและเอกสิทธิ์พิเศษซึ่งไม่เคยเป็นที่รู้จักเลยในประเทศเสรีนิยมประชาธิปไตยสมัยนั้น ซึ่งก็มีทั้งการลงทุนขนานใหญ่จากภาครัฐเพื่อสนับสนุนด้านการศึกษา และการฝึกฝนทางอาชีพ การได้เข้าเป็นกำลังแรงงานอย่างเต็มตัว สิทธิในการลาคลอดอย่างเอื้อเฟื้อ และรับรองการเลี้ยงดูเด็กโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งที่ได้รับความสนใจเพียงเล็กน้อยก็คือ ผู้หญิงจากค่ายคอมมิวนิสต์มีความสุขสมกับรสเพศมากกว่า” Kristen R. Ghodsee ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิงและเพศสภาพกล่าวในบทความเรื่อง “Why Women Had Better Sex Under Socialism” ในนิวยอร์กไทม์ส ข้ออ้างของ Ghodsee มีงานวิจัยรับรอง เป็นงานที่ทำขึ้นหลังการรวมประเทศเยอรมนีในปี 1990 ซึ่งพบว่า ผู้หญิงในฝั่งตะวันออกระบุว่าตัวเองถึงจุดสุดยอดมากกว่าผู้หญิงในฝั่งตะวันตกถึง 2 เท่า ซึ่งทำให้นักวิจัยต้องงงไปตามกัน เพราะผู้หญิงในฝั่งตะวันออกต้องรับบทหนักทั้งงานนอกบ้าน และงานในบ้าน ขณะที่ผู้หญิงในฝั่งตะวันตกจะทำหน้าที่หลักเป็นแม่บ้าน โดยมีเครื่องไม้เครื่องมือทุนแรงมากมาย แต่พวกเธอกับมีความสุขกับเรื่องเพศน้อยกว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงในสังคมคอมมิวนิสต์มีความสุขทางเพศมากกว่าผู้หญิงในโลกเสรี? Ghodsee ชี้ว่า หัวใจหลักของมันอยู่ที่การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัว กับชีวิตการงาน และการที่ผู้หญิงสามารถเป็นอิสระไม่ต้องพึ่งพาการเลี้ยงดูของผู้ชาย ซึ่งปัจจัยทั้งสองเป็นสิ่งที่รัฐคอมมิวนิสต์ให้การสนับสนุน เพราะต้องการผลักดันผู้หญิงเข้าสู่ระบบแรงงาน เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานเพศชายที่ต้องสูญเสียไปในช่วงสงครามโลกเป็นสำคัญ ด้วยเหตุนี้รัฐคอมมิวนิสต์จึงให้การสนับสนุนเรื่องของสิทธิสตรีมาก รวมไปถึงการอุดหนุนงานวิจัยต่างๆ ที่จะช่วยส่งเสริมความสุขให้กับผู้หญิง และเรื่องเพศก็เป็นหนึ่งในนั้น การวิจัยในเชโกสโลวาเกีย (อดีตประเทศคอมมิวนิสต์ในยุโรปกลาง ปัจจุบันแยกเป็นสาธารณรัฐเช็ก และสโลวาเกีย) ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 1952 ก็พบว่า ความเท่าเทียมทางเพศเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเรื่องความพึงพอใจทางเพศในผู้หญิง ซึ่งนักวิจัยบางรายถึงกับบอกว่า ผู้ชายต้องมีส่วนช่วยดูแลงานบ้าน และเลี้ยงลูกด้วย ไม่อย่างนั้นชีวิตคู่ก็อาจจะปราศจากเซ็กซ์ที่ดี ด้านนักวิชาการจากโปแลนด์ก็บอกกับ Ghodsee ว่า บริบททางสังคมและวัฒนธรรมถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสุขสมทางเพศ ไม่ใช่จะมีแต่เรื่องของกายสัมผัสเท่านั้น “ต่อให้มีการเล้าโลมอย่างสุดยอดเพียงใด พวกเขาก็บอกว่ามันไม่อาจจะช่วยให้ผู้หญิงเข้าถึงความสุขสมได้ ถ้าพวกเธอต้องเจอกับความตึงเครียด การทำงานหนัก หรือต้องกังวลกับสถานะทางการเงินในอนาคต” ด้วยระบบสังคมนิยมที่สนับสนุนเรื่องการศึกษา และโอกาสการทำงานของผู้หญิง รวมไปถึงสิทธิอื่นๆ อย่างการรับรองรายได้เมื่อต้องลาคลอด สิทธิในการทำแท้ง และการอุดหนุนผู้หญิงที่ต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว จึงทำให้สาวๆ ในโลกคอมมิวนิสต์มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าสาวๆ ในโลกเสรี แต่เมื่อโลกคอมมิวนิสต์ล่มสลาย ผู้หญิงหลายคนต้องตกงาน สูญเสียสิทธิและเอกสิทธิ์พิเศษหลายประการที่รัฐบาลสังคมนิยมเคยให้การรับรอง ทำให้หญิงวัย 65 ปีรายหนึ่ง จากบัลแกเรียบอกกับ Ghodsee ว่า รัฐบาลคอมมิวนิสต์คือผู้ที่ให้เสรีภาพกับเธอ แต่ “ประชาธิปไตย” ได้พรากเสรีภาพบางส่วนไปจากเธอ