ออโต้บาน หรือ ทางด่วนพิเศษ ที่ไม่มีการจำกัดความเร็วในเยอรมนี เย้ายวนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชื่นชอบการขับรถ แต่การจะขับบนนั้นหรือบนท้องถนนเส้นอื่นๆ ในประเทศนี้เป็นสิ่งที่ต้องผ่านด่านหลายด่าน
ด่านแรกคือ การสอบใบขับขี่ เป็นเหมือนการศึกษาภาคบังคับ โรงเรียนสอนขับรถที่นี่ต้องผ่านการตรวจสอบจากรัฐบาล ทุกคนที่ประสงค์สอบใบขับขี่ต้องเข้าเรียน และก่อนเข้าเรียนคุณต้องมีประกาศณียบัตรก่อนว่าได้ผ่านการฝึกอบรมการปฐมพยาลเบื้องต้นซึ่งรวมถึงการทำ CPR หรือการปั๊มหัวใจมาแล้ว
ในโรงเรียนมีการสอนทั้งภาคทฤษฎีและปฎิบัติที่บางครั้งใช้เวลา 3-4 เดือน ค่าใช้จ่ายในการเรียนคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นบาท หลังจากเก็บชั่วโมงเรียนทฤษฎีและปฏิบัติครบถ้วนก็จะสามารถเข้ารับการทดสอบได้
เมื่อสอบผ่านทั้งทฤษฎีและปฏิบัติจนได้ใบอนุญาตขับขี่มาครอบครองแล้ว ย่อมมีสิทธิ์ขับรถในเยอรมนีได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่ขั้นตอนการขับรถของชาวเยอรมันไม่ได้หยุดแค่นี้ ลักษณะนิสัยเอาจริงเอาจังในทุกเรื่องของชาวเยอรมันย่อมไม่พอใจกับแค่ใบอนุญาตขับรถ
ADAC สมาคมที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ของเยอรมนี เป็นหน่วยงานเอกชนขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกผู้ขับขี่ราว 30 ล้านราย ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์
ADAC ทำหน้าที่ในการฝึกขับรถขึ้นไปอีกขั้น เป็นทักษะที่เราต้องใช้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันบนท้องถนน
เรามาที่สนามฝึกของ ADAC เพื่อทดลองเข้ารับการฝึก การฝึกเริ่มจากเรื่องการหลบหลีกวัตถุที่ตกลงบนพื้นถนนอย่างไม่คาดคิด จนถึงการเบบรคฉุกเฉินบนทางโค้งที่เปียกไปด้วยน้ำ
แต่ที่ยากที่สุดสำหรับเราคือ การขับรถลงไปในลานฝึกด้วยความเร็วประมาณ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว มีน้ำพุ่งมาปะทะกระแทกท้ายรถอย่างแรง
เราไม่สามารถควบคุมรถได้ แรงดันของน้ำฉีดท้ายจนรถหมุนติ้วทั้งคัน นี่การจำลองสถานการณ์ในกรณีรถถูกชนท้ายอย่างแรง เหตุการณ์ที่เกิดกับคุณบนถนนได้ทุกนาที สำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์หรือขาดทักษะในการควบคุมรถที่ดีพอ รถจะเสียการควบคุมและหมุนคว้างอย่างน่ากลัว
ดูคลิป ทางหลวงเย้ยมฤตยู 1