หนุ่ม ม.5 เมืองเชียงใหม่ เปิดใจยังผวา หลังถูกสองเกย์คุกคามจะละเมิดทางเพศในห้องน้ำปั้มน้ำมันกลางเมือง ยันโพสต์เรื่องราวในโซเชียลเพื่อเตือนภัย
หลังจากที่เฟสบุ๊คชื่อ "ก้อป แก้ป" โพสเล่าเหตุการณ์เตือนภัยสังคม โดยเล่าว่าถูกชายสองคนพยายามข่มขืนในห้องน้ำในปั้มนำมันแห่งหนึ่ง ย่านถนนมณีนพรัตน์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ขณะที่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อในห้องน้ำ โชคดีที่รีบหนีออกมาจากห้องน้ำได้ทัน ก่อนจะนำเรื่องราวมาโพสต์เตือนชายหนุ่มให้ระวังตัวในขณะเข้าห้องน้ำ
ล่าสุด นายศุภกร ใจจา อายุ 19 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนมัธยมเอกชนชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของเฟสบุ๊คที่เป็นผู้ประสบเหตุการณ์ในครั้งนี้ ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูห้องน้ำที่เกิดเหตุ พร้อมกับเปิดใจว่ายังคงผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่หาย พร้อมกับย้อนเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า วานนี้ ( 16 ม.ค.) เวลาประมาณ 16.30 น. ได้กลับจากหอพักของเพื่อนและได้แวะเข้าห้องน้ำในปั้มน้ำมันดังกล่าวเพื่อเปลี่ยนเสื้อ แต่ระหว่างที่อยู่ในห้องน้ำอยู่ดี ๆ ก็มีคนเอาเท้ามาแหย่พื้นใต้ประตูหลายครั้ง จากนั้นสอดมือเข้ามาทำท่าแปลก ๆ สักพักมือดังกล่าวก็ยื่นถุงยางอนามัยเข้ามาให้ดูอีกหลายครั้ง ทำให้ตนเองรู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้าออกไป อีกครู่หนึ่งได้ยินเสียงว่าคนด้านนอกเปอดประตเข้าห้องน้ำห้องข้าง ๆ จึงตัดสินใจออกจากห้องน้ำ แต่ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวกลับโปล่มาจากห้องน้ำดึงกระชากแขนตนเองให้เข้าไปในห้องน้ำ ตนเองสะบัดมือหลุดและถามว่า "อะไรครับพี่" ชายดังกล่าวก็ทำท่าจะอม….ให้ แล้วบอกว่ารู้นะว่าน้องทำงานที่ไหน กลับบ้านระวังด้วยนะ
หลังจากนั้นได้รีบวิ่งออกมา ปรากฏว่ามีเพื่อนอีกคนยืนอยู่หน้ากระจกด้านนอก พยายามจะดันตนเองกลับเข้าไป ตนขัดขืนและรีบวิ่งหนีออกมาได้หวุดหวิดแลรีบขี่รถหนีออกไป
นายศุภกร เล่าว่า ชายทั้งสองอายุประมาณ 20 กว่า ๆ มีลักษณะเป็นกลุ่มชายรักชาย เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนในการเข้าห้องน้ำที่จะต้องระวังตัว แม้จะเป็นห้องน้ำชายก็ตาม ขณะเดียวกันขอให้ปั้มน้ำมันทุกแห่งดูแลความปลอดภัยให้กับผู้เข้าไปใช้บริการด้วย พร้อมยืนยันที่นำเรื่องราวมาโพสต์ในโลกออนไลน์ไม่ได้ต้องการทำให้สถานประกอบการมีผลกระทบ แต่มีเจตนาเพื่อเตือนภัยเท่านั้น
สำหรับปั้มน้ำมันดังกล่าวเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง และอยู่ใจกลางเมือง มีผู้เข้าไปใช้บริการทั้งห้องน้ำและเติมน้ำมันพลุกพล่านตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่เหตุการณ์ครั้งนี้ผู้จัดการไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าวและบันทึกภาพ โดยอ้างว่าจะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานใหญ่เท่านั้น