โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

"พั้นช์" เปิดใจอยากมีลูก-ขอปล่อยตามธรรมชาติ ไม่ยึดติดมีงานเดือนละ 2 งาน

Khaosod

อัพเดต 19 ก.พ. 2561 เวลา 15.19 น. • เผยแพร่ 19 ก.พ. 2561 เวลา 15.19 น.
8878878989999898989520

วันที่ 19 ก.พ. ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พั้นช์-วรกาญจน์ โรจนวัชร นักร้องสาว มาร่วมงานแถลงข่าวภาพยนตร์ “ตีสาม Aftershock” จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ถึงชีวิตหลังแต่งงาน กับแฟนหนุ่มนอกวงการ ปลั๊ก-อรรถกร คูพัฒนาวิบูลย์

โดย พั้นช์ เผยว่า “ก็เหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเท่าไหร่ ก่อนแต่งงานจะเห็นว่าเราไม่ค่อยมีรูปคู่เท่าไหร่ ไปเที่ยวโน่นนี่ด้วยกันถึงจะมีโอกาสได้ลงรูปด้วยกัน แต่ก่อนจะไม่ค่อยลงรูปคู่กับเขา เขาจะเป็นคนไม่ค่อยออกสื่อนะ มารับมาส่งอยู่ในที่ของเขาตามสไตล์ การทำงานของเราก็ยังเหมือนเดิม เขาก็ยังให้เราทำงานแบบนี้อยู่”

วางแผนชีวิตคู่ไว้อย่างไรบ้าง
“อาจจะไปๆ มาๆ จังหวัดชุมพร-กรุงเทพฯ เพราะบ้านเขาอยู่ชุมพร และต้องกลับไปทำธุรกิจของเขาด้วย ถามว่าไปๆ มาๆ เหนื่อยมั้ย ไม่เหนื่อย เหมือนไปเที่ยวมากกว่า แต่ช่วงนี้นานๆ จะไปทีจะไปเฉพาะช่วงเทศกาล ถ้าเขาเริ่มทำธุรกิจเมื่อไหร่ก็อาจจะไปยาวหน่อย เรามาทำงานที่กรุงเทพฯ เขาก็มาอยู่ด้วย ไม่เคยห่างกันเลย มันไม่ใช่ข้อตกลงว่าต้องอยู่ด้วยกันตลอดนะ สมมติถ้าเรามีงานจ้างต่างจังหวัดต้องไป 2 วัน พั้นช์ก็อาจจะไปกับทีมงานก็ได้ เขาก็อยู่ดูแลบ้านไป เราแยกกันได้(หัวเราะ)”

เคยต้องแยกกันไหม ต่างคนต่างไปทำงานคนละที่
“ไม่มีเลยค่ะ ไม่เคยห่างกันเลย อย่างมากก็กลางวันแล้วกลางคืนก็มาอยู่ด้วยกัน เขาเข้าใจการทำงานของเรา คบกันมาประมาณ 9 ปี อยู่ตั้งแต่เราฮอตจนเราเลิกฮอตไปแล้ว เขาก็จะเห็นทุกอย่างของเราหมด อ๋อ ตอนฮอตมันเป็นแบบนี้นะ ตอนไม่ฮอตมันเป็นแบบนี้นะ ก็กลายเป็นความเคยชินของกันและกัน เขารู้จักแฟนคลับเราหมดทุกคนด้วยค่ะ”

แต่งงานแล้วมีแพลนเรื่องมีน้องหรือยัง
“ก็ปล่อยธรรมชาติ เพราะเราก็อายุ 33 ปีแล้ว ตัวเขาก็อยากจะมีลูกมากๆ ก็ถ้าจะมีเมื่อไหร่ก็มี แต่ถ้าปล่อยธรรมชาติแล้วยังไม่ติด ก็ค่อยไปหาหมอแล้วกัน ไม่อยากกดดัน ไม่อยากเครียด เราเห็นเด็กๆ แล้วก็อยากมีนะ แม่เรายังมีแรงที่จะช่วยเลี้ยงได้อยู่ มีลุง ป้า น้า อา ทุกคนมีกำลังที่จะช่วยเราเลี้ยงได้ในเวลาที่เราต้องไปทำงาน ถ้าเราคิดจะมีอยู่แล้วก็มีไปเลย เพราะถ้ามีช้ากว่านี้จะยิ่งแก่ไปเรื่อยๆ ครอบครัวเราก็อยากให้มี โดยเฉพาะครอบครัวเขาอยากให้มีมาก อยากมี 2-3 คน สำหรับเราคนเดียวก่อน(หัวเราะ) นี่ยังไม่มาเลย ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติค่ะ”

มีชื่อเสียงอยู่ในวงการมานาน เรามีวิธีการวางตัวอย่างไรให้ไม่หลงไปกับชื่อเสียงเงินทอง
“การทำงานของเราเนี่ย ก็คือการทำงานของชีวิตคนคนหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นดาราแล้วจะต้องไม่เหมือนคนอื่น หรือต้องใช้ชีวิตอลังการ เราก็ยังใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม อะไรที่ราคาถูกมันประหยัดได้ก็แฮปปี้กับตรงนั้น เราก็มีวางแผน มันได้เงินมาง่ายและได้มาเยอะในการทำงาน ถ้าเราไม่รู้จักใช้ก็หมดไปง่ายเหมือนกัน เราเป็นคนที่ทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ ฉะนั้นกว่าจะได้เงินมาแต่ละร้อย มันค่อนข้างจะลำบากพอสมควร เมื่อมีเงินที่ได้จากการทำงานในวงการควรจะเก็บไว้เป็นส่วน เพราะเราต้องดูแลทุกคนในครอบครัว ส่วนนี้ของครอบครัว ส่วนนี้เผื่ออนาคตการเจ็บป่วย ซื้อที่ดินหรือซื้อคอนโด เราจะคิดไกล อย่างน้อยพอถึงวันนึงที่เราไม่มีงานแล้ว หรือเราอาจจะขี้เกียจแล้วก็ได้ ขอพักเหนื่อยแล้ว เราก็ยังไม่เดือดร้อน”

เราเคยไปถึงจุดที่ไม่มีงานหรือยัง
“ยังไม่เคยถึงขนาดไม่มีงานเลย เพราะว่าเราเป็นคนที่จัดระเบียบตัวเองดีพอสมควร พั้นช์อยู่วงการมา 13 ปี เป็นคนที่คิดเสมอว่า ถ้าเราดูแลพ่อแม่ เราไม่มีทางอดตาย แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ต่อให้ไม่มีงานพั้นช์ก็ยังให้เงินพ่อแม่เหมือนเดิม เดี๋ยวแป๊ปๆ ก็มีงานเข้ามาเอง ชีวิตเราไม่เคยตกต่ำ”

มีช่วงที่แฟนๆ รู้สึกว่าเราหายไป
“เหมือนเราได้พักค่ะ เป็นการลาพักร้อน ได้มีโอกาสไปเที่ยวกับครอบครัว ซึ่งเราก็สามารถจะใช้ชีวิตแบบมีความสุขได้ โดยที่เราไม่ต้องไปของานเขาทำ ไม่เคยเป็นแบบนั้น เราซัพพอร์ตตัวเอง และจัดระเบียบตัวเองดีพอสมควร เราโกยไว้แล้วจากตอนอัลบั้มแรก อัลบั้มสอง โชคดีที่เราไม่ค่อยยึดติดกับอะไร หรือคิดมาก เราคิดแค่นี้เลยว่า แค่เรามีที่อยู่ ที่กิน โดยไม่ต้องเป็นหนี้เขา เราโอเคแล้ว เดือนนึงมีแค่ 1-2 งาน เราก็มีความสุขมาก คิดกลับไปว่า คนๆ นึงที่เขาต้องทำงานเดือนนึงได้หมื่นกว่าบาท กับเราทำงานวันเดียวได้ห้าหกหมื่น มันแฮปปี้มากกว่าขนาดไหน มันมีความคิดที่เราเป็นกำลังใจให้ตัวเองได้”

มีคนเคยบอกไหม เราเป็นนางเอกทำไมไม่อัพเกรดให้ตัวเองบ้าง
“ก็มีคนพูดเยอะว่าทำไมยังใช้ชีวิตบ้านๆ คือมันเป็นตัวเรามั้ง รู้สึกว่าถ้าต้องอัพตัวเองเป็นแบบนั้นมันไม่ใช่ อย่างมีคนถามว่าทำไมไม่ใช้ของแบรนด์เนม เราก็ชอบนะ แต่ราคามันเป็นแสน มันต้องมีงานฟลุกที่ได้เงินเยอะๆ จะไปซื้อใช้โดยที่ไม่เสียดายได้ แต่ถ้าไม่มีงานฟลุกก็ไม่เอา เพราะเราเป็นคนที่อดใจอยู่ได้ ระงับกิเลสตัวเองได้”

ด้วยความที่เราเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกไม่เปลี่ยน ทำให้แฟนๆ ยังรักเรามาจนถึงทุกวันนี้
“เหมือนเราไม่ได้ปรุงแต่งอะไรมั้ง อะไรที่มันสบายๆ ง่ายๆ เราจะรู้สึกว่ามันคือตัวเรา เราชอบแบบนี้ ถ้าถามแฟนคลับเขาคงพูดว่า พั้นช์เป็นคนง่ายๆ สบายๆ กินง่ายอยู่ง่าย ไม่เรื่องเยอะ เรามาทำงานต้องเกรงใจคนที่เขาจ้างเรา เขาให้เงินเรา ไม่ใช่เขาให้เงินเราต้องมาเกรงใจเราอีก ถามว่าพั้นช์มองวงการตอนนี้อย่างไร มันก็มีขึ้นมีลง ค่อนข้างที่จะกว้างขึ้น โซเชียลก็มีบทบาทขึ้นเยอะมาก เด็กใหม่ๆ ก็เข้ามา แต่เราก็อยู่ในจุดที่ไม่ต้องไปแข่งกับใคร ให้มันอยู่ได้ด้วยตัวของมัน มีงานนิดๆ หน่อยๆ ก็โอเคแล้ว ถ้าเราคิดกดดันตัวเองทำอะไรก็คงจะซีเรียส เครียด กระแสก็มีส่วน เราก็อยากมีกระแส ใครๆ ก็อยากมีกระแสเพื่อจะสร้างงานให้กับเรา แต่กระแสนั้นมันจะเรียกมายังไงดี เราก็เอาแบบสบายๆ ดีกว่า มีงานเพลงก็ค่อยร้องเพลง มีหนังเข้ามาก็ค่อยไปเล่นค่ะ”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0