ทนายอนันต์ชัย ยกเคสเทียบ สร้างตลาด หรือกระทำเพื่อการพาณิชย์ ในที่จัดสรรเพื่ออยู่อาศัยไม่ได้ ขณะที่ ป้าทุบรถยันไม่คุย กทม. ชี้ 10 ปีที่ผ่านมา คุยหลายครั้ง ก็ไม่เคยได้รับการแก้ปัญหา …
วันที่ 21 ก.พ. จากกรณีคุณป้าทุบรถที่จอดขวางหน้าบ้าน ในรายการถามตรงๆ กับจอมขวัญ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ระบุ ตอนนี้ทุกคนกำลังหลงประเด็น เพราะที่ดินตรงหมู่บ้านนี้ เป็นที่ดินจัดสรรตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ใช้ตั้งแต่ปี 2515 ถึงปี 2543 หลังปี 2543 คือ พ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน เพราะฉะนั้นเราจะสู้กันตาม ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ที่ระบุว่า ที่ดินแปลงนี้ จัดสรรเพื่อที่อยู่อาศัย พอจัดสรรเสร็จ ผู้จัดสรร จะมอบที่ดินแปลงนี้ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กทม. กฟน. กปน. เพื่อดูแล หรือจะเป็นคนดูแลเองก็ได้ มันก็ไม่เป็นทางสาธารณะ ในกรณีนี้มีการยกให้ กทม.ดูแล ถนนตรงนี้จึงอยู่ในความดูแลของ กทม.
พอให้ไปแล้ว การดูแล ดูแลเฉพาะ ถนน ประปา ไฟฟ้า ท่อระบายน้ำเท่านั้น แต่ที่ดินที่ถูกจัดสรรเอาไว้ 289 แปลง ใครก็ตามจะมายุ่งกับที่ดินจัดสรรไม่ได้เลย ทั้งนี้ เคยมีประกาศกฤษฎีกา เมื่อปี 2530 บอกว่า การจัดสรรที่ดิน ไม่รวมถึงคนที่ซื้อ ฉะนั้นคนที่ซื้อจะเอาไปทำอะไรก็ได้ ต่อมาปี 2552 มีเคสตัวอย่างที่หมู่บ้านเมืองเอก มีคนซื้อที่ดินจากเจ้าของที่ดินไปทำหอพัก ซึ่งเขตอนุญาต คนก็ไปร้องเรียน แล้วนำเรื่องขึ้นศาลปกครอง ก่อนศาลปกครอง จะวินิจฉัยว่า ที่ดินดังกล่าวได้จัดสรรตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 เหมือนกับที่ดินของคุณป้า ใช้เพื่อที่อยู่อาศัย ไม่ใช่การพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม ที่ดินแปลงนั้น จึงไม่สามารถใช้เพื่อการพาณิชย์ได้ ถึงจะซื้อมา แต่ก็ต้องทำการจัดสรร เหมือนตั้งแต่ต้นทาง ทำเพื่อการพาณิชย์ไม่ได้
ขณะที่ พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พูดถึงความกังวลของเจ้าของบ้าน หลังต้องสอบข้อเท็จจริง 7 วันว่า การสอบข้อเท็จจริง ก็เพื่อดูว่าผิดตรงไหนบ้าน บางตลาดมีขอใบอนุญาตก่อสร้าง แต่ไม่ได้ขออนุญาตเปิดตลาด ซึ่งบางตลาดไม่มีใบอนุญาตเลย และบางตลาด มีการขอใบอนุญาตเชิงพาณิชย์ ซึ่งไม่สามารถขายของสดได้ ซึ่ง กทม.จะตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงเชิญผู้ที่ได้รับผลกระทบมาให้ข้อมูล ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ หลังจาก 7 วันที่ขีดเส้นไว้ 3 ตลาดนอกเหนือ ตลาดเปิ้ลมาร์เก็ต ตลาดยิ่งนรา ถ้าไม่หยุดขายก็ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งก็ต้องถูกดำเนินคดี
ขณะที่ ป้าบี และ ป้าฉัตร บอกยังไม่ได้รับการติดต่อจาก กทม.ให้ไปนั่งคุย เพิ่งทราบจากผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เมื่อสักครู่ ซึ่งตนคงจะไม่ไป เพราะ กทม. เคยเชิญเราไปแล้ว อธิบายเราว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วให้เราเซ็นชื่อ จากนั้นเหตุการณ์มันก็เหมือนเดิม ซึ่งที่ผ่านมา 10 ปี เราคุยมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งถ้าคุณเห็นแล้วว่า มันผิดกฎหมาย ผู้ว่าฯ ก็สามารถจัดการได้เลย
นายอนันต์ชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า สรุปที่ผู้ว่าฯ กทม. บอกต้องรอศาลชี้นั้น ณ วันนี้ถ้าเสนอข้อกฎหมายไป ผู้ว่าฯ เขต หรือใครก็ตาม ต้องกลับมาดู เพราะยึดตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ตามที่ยกตัวอย่างไป ถ้าเป็นเช่นนี้ อาจต้องมีคนผิด ม.157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่.
