โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

จากครอบครัวที่แตกสลายสู่แข้งตัวแทนสุรินทร์สู้ศึกกีฬาเยาวชนแห่งชาติ

Khaosod

อัพเดต 23 มี.ค. 2561 เวลา 09.40 น. • เผยแพร่ 23 มี.ค. 2561 เวลา 09.35 น.
3

ต้นทุนชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ทุกคนที่คาบช้อนเงิน ช้อนทองมาเกิด มีชีวิตกินดีอยู่สบายไม่ต้องลำบาก ยังมีอีกมากหลายที่ต้องฟ่าฟันผ่านความยากเข็ญเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด แต่การวางเป้าหมายและความพยายามจะสะท้อนให้เห็นคุณค่าที่แท้จริงของบุคคลคนนั้น

กีฬาเยาวชนแห่งชาติคนทั่วไปอาจมองแค่เป็นการแข่งขันของน้องๆ หนูๆ น่ารักสดใสตามประสาเด็กๆ แต่ใครจะรู้ว่าไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะผ่านเวลาอันแสนอบอุ่นได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวจนมาถึงระดับนี้ ยังมีอีกหลายคนที่ต้องฝ่ามรสุมชีวิตเพื่อทำสิ่งที่ตัวเองรักนั่นคือกีฬาเพื่อพาตัวเองก้าวสู่สิ่งที่คาดหวัง และการเป็นตัวแทนเข้าแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องผ่านการคัดเลือกระดับจังหวัด ตามด้วยคัดตัวแทนระดับภาคถ้าชนะถึงจะได้มาแข่งนั่นหมายความว่าคุณต้องชนะคนทั้งภาคถึงจะได้สิทธิ์

“น้องปิ่น”ปุณยาภร พรมมา หนูน้อยวัย 15 ปี นักกีฬาฟุตบอลจากจ.สุรินทร์ ตำแหน่งริมเส้นด้านขวา นับเป็นคนดวงดีตั้งแต่ไม่เกิดและก้าวมาถึงจุดที่ใครหลายคนฝันไฝ่ โดยอ.ประเสริฐ ดาทอง หัวหน้าผู้ฝึกสอนเผยว่าความจริงน้องปิ่นจะไม่มีโอกาสลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ เนื่องจากคุณพ่อพอรู้ว่าคุณแม่ตั้งท้องกลับทิ้งครอบครัวไปทันที ที่สำคัญกว่านั้นด้วยความที่คุณแม่และครอบครัวมีฐานะยากจน ญาติหลายคนถึงกับเอ่ยปากว่าคงเลี้ยงไม่ไหวหรือด้วยเหตุผลอื่นใดไม่ทราบ ขอให้เอาเด็กออก!!!

โชคดีหรือด้วยอะไรก็แล้วแต่ คุณพ่ออนุสรณ์ แสนกล้า และคุณแม่เพ็ญศรี แสนกล้า ต้องรีบบอกว่าขอเด็กคนนี้เป็นลูกอย่าเอาออกเลย ท้ายที่สุดหนูน้อยได้ลืมตาดูโลก และมีโอกาสพบแม่แท้ๆ เพียง 2 ครั้งเท่านั้นคือช่วงอยู่ประถม 4 และวันที่แม่เสียชีวิตจากโลกนี้ไป กระนั้นก็ดีด้วยความที่ครอบครัวใหม่อยากให้ลูกหลานมีการศึกษาจึงสั่งตั้งแต่ยังเด็กว่าต้องตั้งใจเรียนมาเป็นเรื่องแรกห้ามทำอย่างอื่น!!!

แต่ด้วยความรักในกีฬาลูกหนัง “ปิ่น” ต้องแอบเล่น แอบฝึก ใช้เวลาหลังเลิกเรียนไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ จนเข้าตา อ.ประเสริฐ ดาทอง ผอ.หินโคนอคาเดมี ที่เปิดสอนทักษะลูกหนังฟรีกับเด็กๆ ที่สนใจ แถมยังใช้บ้านตัวเอง ยุ้งเก็บข้าวเปลือก ให้เป็นที่หลับนอนของน้องๆ จึงออกปากชักชวน แต่หนูน้อยต้องใช้เวลาปีกว่าๆ จึงโน้มน้าวคุณพ่อ คุณแม่ได้สำเร็จ เพื่อก้าวสู่อนาคตของนักเตะอาชีพ

“ปิ่น” ใช้เวลาไม่นานเพราะมีพื้นฐานด้านลูกหนังอยู่แล้วยกระดับตัวเองจนกลายเป็นผู้เล่นสำคัญพร้อมกับพาทีมเป็นตัวแทนจังหวัดและตัวแทนภาคเข้าร่วมกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 34 “น่านเกมส์” ได้สำเร็จ กลายเป็นผู้สร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลแบบที่ไม่มีใครคาดคิด หรือคาดหวังแม้แต่น้อย

อีกหนึ่งหนูน้อยที่อาจจะมีเส้นทางชีวิตดีกว่า “ปิ่น” เล็กน้อยแต่คงเป็นเรื่องสำคัญคนหลายๆ คนในเมืองไทย นั่นคือ“เช้ง”กิตติยา มูลรัง สาวน้อยวัย 14 ปี ที่เป็นตัวแทนจ.สุรินทร์ เข้าร่วมกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งนี้เช่นกันในกีฬาฟุตบอลตำแหน่งกองหลัง

ด้วยความที่ครอบครัวต้องแยกย้ายตั้งแต่ยังเด็ก คุณแม่ดวงฤทัย แสงรุ่งสว่าง กับ คุณพ่อสมพร มูลรัง เลิกรากันไปสร้างครอบครัวใหม่ และด้วยความที่คุณพ่อไม่อยากให้ลูกสาวคนเดียวต้องไปเจอกับการเปลี่ยนแปลงมากมายจึงขอให้คุณตากับคุณยายรับไปเลี้ยงดูแทน โดย “น้องเช้ง” จะมีโอกาสพบหน้าพ่อที่ย้ายกลับมาอยู่เชียงรายเพียงปีละครั้งเท่านั้น และการได้มาแข่งที่จ.น่านครั้งนี้ทำให้เธอมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับบิดาบังเกิดเกล้านานกว่าทุกครั้งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

กิตติยา เผยว่าไม่ทราบเหมือนกันว่ารักกีฬาฟุตบอลตั้งแต่เมื่อไหร่ เท่าที่จำได้เล่นกีฬาชนิดนี้มาตั้งแต่ระดับประถม โดยเริ่มต้นจากฟุตซอลเพราะโรงเรียนอนุบาลสุรินทร์ไม่มีสนามใหญ่จึงต้องเล่นสนามเล็กแทน เมื่อเลิกเรียนกลับบ้านที่อ.กาบเชิง ติดชายแดนกัมพูชาต้องเล่นกับเพื่อนผู้ชายเพราะเพื่อผู้หญิงด้วยกันไม่นิยมเล่น กระทั่งได้รับการเชิญชวนจากอ.ประเสริฐ ให้ย้ายมาเรียนระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนโคกตะเคียน อ.กาบเชิง ใกล้กับหินโคนอคาเดมีจึงตัดสินใจเลือกจะเดินบนเส้นทางลูกหนัง

ไม่ใช่ทุกอย่างจะราบรื่นเมื่อสาวน้อยเข้าสู่แคมป์อคาเดมีเรื่องร้ายดันเกิดขึ้นตามมาติดๆ เพราะเธอล้มป่วยกะทันหัน โรงพยาบาลประจำอำเภอตรวจแล้วไม่พบสาเหตุ ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลจังหวัดยังให้คำตอบไม่ได้ ต้องส่งไปที่โรงพยาบาลขอนแก่นโรงพยาบาลใหญ่ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือจึงได้คำตอบว่าเธอเป็นวัณโรค ยังดีที่ค้นพบสาเหตุด้วยเวลาเพียงสิบกว่าวันหากนานกว่านั้นคงไม่มีนักฟุตบอลดาวรุ่งรายนี้อยู่บนโลก

“เช้ง”ใช้เวลาร่วม 3 เดือนต่อสู้กับภัยคุกคามสุขภาพและด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง ความมานะไม่ย่อท้อทำให้ “เช้ง” กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งพร้อมกับยึดตัวจริงในทีมได้อย่างเต็มภาคภูมิ นอกจากนั้นเธอยังมีดีกว่าที่เห็นเมื่อกล้าที่ผลักดันตัวเองเข้าไปคัดตัวเยาวชนทีมชาติรุ่นไม่เกิน 16 ปี ที่สำคัญกว่านั้นอาจได้ยินข่าวดีที่นักฟุตบอลทุกอยากได้ยินอีกด้วย หากเป็นจริง “เช้ง” จะเป็นนักเตะหญิงคนที่ 4 จากหินโคนอคาเดมีที่ได้ชื่อว่าติดทีมชาติไทย

เรื่องราวทั้งหมดของสองสาวน้อยยังมีอีกมากมายและเชื่อว่าไม่ใช่เพียงแค่สองคนนี้ที่ต้องประสบพบเจอกับสิ่งที่ไม่มีใครอยากพบ ยังมีอีกหลายซอกหลืบบนแดนสยามที่เด็กน้อยต้องเจอกับเคราะห์กรรมที่ผู้ใหญ่สร้างไว้ให้ทั้งที่ตัวเองไม่รู้เรื่องราว ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะเดินชีวิตในทางไหน ใครให้คำปรึกษา ชี้ทางในสิ่งที่ถูก วันนี้ทั้ง ปิ่น และ เช้ง ก้าวผ่านเรื่องเวลร้ายมาแล้วและกำลังเดินหน้าตามความฝันไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่สิ่งที่ภูมิใจคือได้ลงมือทำแล้ว

ขอพื้นที่เล็กๆ ตรงนี้ช่วยส่งต่อแรงใจให้กับน้องๆ หนูๆ คนอื่นที่กำลังทุกข์ระทมว่าทุกอย่างต้องสร้างด้วยตัวเอง ความเข้มแข็งชนะทุกอย่าง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0