โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ค้าปลีกไทยจะไปทางไหน ห้าง-ช็อปปิ้งมอลล์ ปะทะออนไลน์ (จบ)

ประชาชาติธุรกิจ

เผยแพร่ 17 ก.พ. 2561 เวลา 04.12 น.
14804111641480411325l

คอลัมน์ Pawoot.com

ห้างไทยเตรียมรับมืออย่างไรสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาจากการแย่งชิงตลาดของออนไลน์ แน่นอนจะต้องไปกระทบกับธุรกิจประเภทห้างสรรพสินค้า เช่น ห้างที่อเมริกาต้องปิดตัวมากมาย เหตุเพราะห้างส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์ให้ไปเดินช็อปปิ้ง แต่เมื่อกำลังซื้อมาอยู่บนออนไลน์หมดแล้ว ห้างจึงต้องปิดตัวลง

ขณะที่เมืองไทยสังเกตว่าคนเริ่มเดินซื้อสินค้าในห้างน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นมุมเครื่องสำอาง สินค้าแม่และเด็ก มุมนาฬิกา ฯลฯ ค่อย ๆ กระทบไปทีละหมวดหมู่ เพราะกำลังซื้อจากออนไลน์จะเข้าไปตีมากขึ้น คำถามคือแล้วคนจะยังเดินห้างอยู่ไหม คนเริ่มเดินน้อยลงแต่อาจจะไม่กระทบถึงขนาดไม่เดินอย่างในอเมริกา เพราะว่าห้างไทยเริ่มมีการปรับตัว สังเกตได้จากห้างในยุคหลังโดยเฉพาะเซ็นทรัล เริ่มปรับ format ตัวเองจากที่มีร้านค้าจำนวนมากมาเป็นร้านอาหารมากขึ้น

ลองสังเกตตัวเองว่าเดี๋ยวนี้เราจะไปห้างเพื่อกินข้าวกันมากกว่าซื้อของ ซึ่ง CRG (Central Restaurants Group) เริ่มลงทุนในเชนร้านอาหารมากขึ้น เช่น Otoya พิซซ่า KFC เพราะรู้ว่าไลฟ์สไตล์คนเปลี่ยนไป วัตถุประสงค์ไม่ใช่แค่ไปซื้อของ แต่ไปเพื่อกินข้าว ทำกิจกรรมตามไลฟ์สไตล์ ไปธนาคาร พาลูกไปเรียนพิเศษ ฯลฯ สะท้อนให้เห็นว่าร้านค้าเริ่มได้รับผลกระทบแล้วจริง ๆ 2018 ระวัง big impact

ปี 2018 คาดว่าจะเป็นปีที่มีการแข่งขันกันดุเดือดมาก จากปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดจะกระทบกับธุรกิจค้าปลีกของไทยโดยเฉพาะที่เป็นออฟไลน์ และจะกระทบกับธุรกิจห้างสรรพสินค้าอย่างแน่นอน นั่นหมายถึงจะกระทบกับธุรกิจ supplier หรือ vendor ที่ส่งสินค้าเข้าไปในห้างทั้งรายเล็กรายใหญ่ด้วย ฉะนั้น value chain หรือ supply chain ของธุรกิจห้างที่มีขนาดใหญ่นั้นย่อมจะส่งกระทบเป็นลูกโซ่ หลายธุรกิจจะได้รับผลกระทบ คงไม่ต่างจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่จะมีเข้ามาในเมืองไทยแน่ ๆ ซึ่งจะได้รับผลกระทบกันอย่างหนักโดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตอะไหล่รถยนต์ส่งให้กับโรงงานผลิต การมาของ EV (electric vehicle) หรือรถยนต์ไฟฟ้า จะสร้างแรงกระเพื่อมอันมหาศาลและจะกระทบกับเศรษฐกิจไทยหากเจ้าของธุรกิจไม่รีบปรับตัว

ดังนั้น การกระทบของธุรกิจที่เป็นแบบ big impact นี้จะสร้างผลกระทบที่กระจายออกไปเหมือนกับคลื่นบนผิวน้ำ จึงต้องดูว่าธุรกิจของเราอยู่ในแวลูเชนที่ได้รับผลกระทบหรือไม่ ถ้าอยู่ก็คงจะต้องรีบปรับตัวกันอย่างเร่งด่วนทีเดียว

บทสรุปการเปลี่ยนแปลงในแง่ของธุรกิจออนไลน์ที่เริ่มเข้าไปแย่งชิงความต้องการของตลาดออฟไลน์ และอิมแพ็กต์หรือสิ่งที่จะมากระทบกับธุรกิจประเภทห้างสรรพสินค้าที่น่าจะเข้ามากระทบอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับธุรกิจประเภทร้านอาหารหรือธุรกิจต่าง ๆ ทั้งนี้เพราะไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนไป และการบุกเข้ามาของจีน ทั้งที่เป็น marketplace และที่เป็นรายย่อย การที่แบรนด์ต่าง ๆ

กระโดดเข้ามาในวงการออนไลน์มากขึ้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อวงการค้าปลีกไทย อีกทั้งซัพพลายเชนและการผลิตสินค้าก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว

สิ่งเหล่านี้น่าจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 3-5 ปี ทั้งหมดที่วิเคราะห์มาน่าจะสะท้อนอะไรบางอย่างไม่มากก็น้อยให้กับคนไทยที่ทำธุรกิจเรื่องค้าปลีกให้รีบปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ได้ทันท่วงที

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0