สัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟครั้งแรกจากทีม LINE TODAY วันนี้ เราขออินไปกับกระแสโครงการ "ก้าวคนละก้าว" ของพี่ตูน บอดี้สแลมที่กำลังจะแตะเส้นชัยในอีกไม่กี่ชั่วโมง นอกจากเพจ "ก้าว" แล้ว อีกหนึ่งช่องทางที่เราเอง (และเชื่อว่าอีกหลายๆ คน) กำลังกดติดตามอยู่ก็คือเพจสายฮาที่มีชื่อว่า "วันนี้พี่ตูนได้อะไร" ไม่ว่าจะเป็นกล้วยสวน ทุเรียน ปลาเค็ม ชอตเด็ดจากในไลฟ์ไม่เคยพลาดมือฉมังในการแคปเจอร์ของเพจนี้ ด้วยความสงสัยว่าเบื้องลึกเบื้องหลังความไวปานปรอทของ "วันนี้พี่ตูนได้อะไร" คือใคร เราเลยไปสืบเสาะหาแล้วแอบเชิญพวกเธอมาบุกออฟฟิศ LINE ประเทศไทย มาทำความรู้จักกับ "ตั๊ก แก้ว และเดือน" ทีมแอดมินและเรื่องราวของเพจที่มีคนกดไลก์นับแสนภายในเวลา 10 วันกันดีกว่าว่าความสนุก ความพีค และโมเมนท์ซึ้งๆ ของการทำเพจนี้จะเป็นอย่างไร
อาชีพจริงคือสายดิจิตอล มาร์เกตติ้ง
ถามถึงการมารวมตัวกัน ทั้งสามคนบอกว่าเป็นกลุ่มที่สนิทกันจากการทำงานอยู่แล้ว "เรารู้จักกันจากเว็บบอร์ดตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีเฟซบุคเลย แล้วก็ลากกันไปทำงานนู้นงานนี้ด้วยกันบ่อยๆ จนต้ังแก๊งค์ขึ้นมาชื่อว่า 'แก๊งค์เถื่อน' ซึ่งเดือนกับพี่แก้วจะอยู่สายโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว ก็ไปลากพี่ตั๊กมาเข้าแก๊งค์ด้วย ทำอะไรก็จะชวนๆ กันอยู่ในสามคนนี้นี่แหละค่ะ เลยกลายมาเป็นทีมแอดมินของเพจที่มีกันอยู่แค่สามคน (หัวเราะ)"
จุดเริ่มต้นของเพจเกิดขึ้นในแชทไลน์
“เรารู้จักกับโครงการ “ก้าวคนละก้าว” มาตั้งแต่เดือนตุลาคมแล้ว ตอนที่ตัวโครงการเริ่มถูกประชาสัมพันธ์ออกมา แต่ในฐานะคนเสพข่าวธรรมดาคนนึง พวกเราก็สงสัยกันว่าทำไมถึงเขาต้องไลฟ์ตลอดเวลาที่พี่ตูนวิ่งด้วย แล้วทำไมแต่ละไลฟ์ถึงมีคนดูเยอะจัง ทั้งๆ ที่มันก็คงมีแค่พี่ตูนวิ่งๆๆ อยู่บนจอ เราก็นั่งติดตามแล้วก็มาถึงจุดที่เริ่มเข้าใจความสนุกของไลฟ์ตอนที่เห็นเพื่อนๆ แชร์รูปแคปหน้าจอเป็นรูปพี่ตูนถือปลาเค็มบ้าง ถือของแปลกๆ ที่ได้จากคนนู้นคนนี้ระหว่างทางอีกบ้าง แต่ที่พีคที่สุดที่เราเห็นกันว่ามันเริ่มตลกได้ที่แล้วก็คือตอนที่เห็นรูปพี่ตูนถือเครือกล้วยทั้งเครือทำหน้าเหวอๆ แล้ววิ่ง รูปนั้นเลยที่ทำให้เราสามคนคุยกันในกรุ๊ปไลน์ว่า เฮ้ย อยากทำเพจอ่ะแก แชทมีแค่นี้เลยนะ เราก็จิ้มเปิดเพจกันวันนั้นเลย 9 พฤศจิกายน ชื่อเพจก็คิดขึ้นมาเป็นประโยคนี้ประโยคเดียว ไม่ได้คิดตัวเลือกอื่นๆ เผื่อไว้ กลายมาเป็นเพจ “วันนี้พี่ตูนได้อะไร” พร้อมกับรูปโปรไฟล์ที่พี่ตูนถือเครือกล้วยรูปนั้น ”
100,000 ไลก์ภายใน 10 วัน!
ปรากฏการณ์ของการทำเพจนี้ที่แอดมินบอกเราคือ ยอดไลก์เพจทะลุ 100,000 ภายใน 10 วันเท่านั้น “ตอนแรกเราก็ชวนเพื่อนๆ กันเองมากดไลก์ แต่พอผ่านไปได้สักพัก เพจก็เริ่มไวรัลขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนกดแชร์กัน คนในวงการก็แชร์กันเสมือนเราไปจ้างเขาแชร์ให้เลย มีสื่อพูดถึง มีคนมาทำข่าว ผ่านไปแค่ 10 วันก็ทะลุ 100,000 ไลก์ไปแล้ว ซึ่งถ้าเทียบกับเพจอื่นที่เราทำกันอยู่ 3 ปียังเพิ่งได้ไลก์ที่แสนเอง (หัวเราะ)"
เพจนี้ไม่ได้เงิน ไม่ได้อะไรเลย ที่เราลงแรงตั้งใจทำกันก็เพราะมันอิ่มเอมใจ ทำเอามันและใช้ใจทำล้วนๆ
ความฮาคือตัวชูโรง
อะไรคือปัจจัยสำคัญที่นำพาเพจมาถึงจุดแสนไลก์ แอดมินทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าคือความฮาล้วนๆ “น่าจะเป็นเนเจอร์ของเพจที่มันฮาอยู่แล้ว เรากันดราม่าด้วยการเขียนจุดมุ่งหมายของเพจไว้ตั้งแต่แรกเลยว่าเราทำเพจนี้ขึ้นมาเพื่อเอาฮานะ และข้อสองคือเราอยากรู้ว่าพี่ตูนได้ของอะไรในแต่ละวัน ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเพจก้าว และถ้าจะบริจาคหรือต้องการติดตามข้อมูลของตัวโครงการจริงๆ ให้ไปที่เพจหลักเลย เพราะฉะนั้นทุกคนที่ตามเพจเราจะเข้าใจว่าเน้นเอาฮาจริงๆ สิ่งที่เราบีบมาจากไลฟ์คือความฮาล้วนๆ และเราพยายามทำให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย ใช้ภาษาซอฟท์ๆ ใช้คำว่า “จ้า” เป็นทีมแอดมินบ้านๆ ไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร”
ฐานข้อมูลคือลูกเพจ
ด้วยความที่ทีมแอดมินทั้งสามคนมีงานประจำ เราเลยสงสัยว่าพวกเธอแบ่งงานกันอย่างไรและเอาเวลาที่ไหนมาลงกับเพจ เดือนบอกว่า “มันจะมีการแบ่งงานกันอยู่หลังบ้านว่าใครทำส่วนไหนในแต่ละวัน อย่างตั๊กจะเป็นคนเก็บแท็ก มีแฮชแท็ก ‘ก้าวคนละก้าว’ ติดอะไรที่ตรงไหนเราก็ไปกวาดดู แก้วทำงานเป็นฟรีแลนซ์ มีเวลาเยอะกว่าเพื่อนหน่อยก็ตามเก็บข้อมูลในไลฟ์ มีคุณแม่ช่วยดูอีกแรง ส่วนเดือนจะเป็นคนมอนิเตอร์ลูกเพจเอา แต่หลังๆ งานเราเริ่มเบาขึ้นเพราะได้ลูกเพจมาช่วยแชร์ข้อมูลจากไลฟ์ อย่างเวลาที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น ในอินบ็อกซ์ของเพจก็จะมีการแจ้งเตือนเด้งเข้ามาละว่ามีลูกเพจยิงข้อมูลกันเข้ามา วันหนึ่งๆ จะได้รับข้อความใหม่ประมาณ 100 กว่าข้อความ นี่ยังไม่รวมโพสท์ที่แปะอยู่บนหน้าเพจอีกนะ ซึ่งก็ช่วยแบ่งเบาภาระให้พวกเราได้มากๆ เลย ก็ต้องขอขอบคุณลูกเพจที่น่ารักของเรามา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ”
โพสท์ที่ได้รับกระแสตอบรับดีที่สุด มีคนดูถึง 10 ล้าน
"เป็นคลิปที่คุณยายคนนึงพยายามจะวิ่งไปหาพี่ตูนตอนที่เฮียแกวิ่งเลยไปแล้ว แต่ด้วยความที่พี่ตูนมีเรดาร์ดักจับเด็กและคนชรา แกก็วิ่งกลับมาหาคุณยาย เลยเป็นโมเมนท์น้ำตาคลอ ซึ้งๆ น่ารักๆ โพสท์นี้มีคนเห็นทั้งหมด 10 ล้าน และเป็นโพสท์ที่ดาราและเซเลบทุกคนแชร์ออกไปกันเยอะมากๆ ส่วนอีกอันก็น่าจะเป็นรูปพี่ตูนวิ่งถือทุเรียน อันนี้คนก็แชร์กันเยอะมากๆ เพราะทุกคนคงเหวอไปนิดๆ เหมือนกันว่า เอ้อ พี่ตูนวิ่งแล้วได้ทุเรียนจริงๆ ด้วย"
คำพูดที่ประทับใจที่สุดที่ได้เห็นจากการทำเพจก็คือคอมเมนท์จากผู้ใหญ่รุ่นประมาณคุณแม่พวกเราท่านหนึ่ง แกบอกว่าไม่รู้หรอกว่าตูน บอดี้สแลมคือใคร แต่แกรู้แค่ว่ามีคนดีคนนึงที่วิ่งผ่านหน้าบ้าน อ่านแล้วน้ำตาก็รื้นเลย
3 ชิ้นแห่งความพีคตั้งแต่พี่ตูนเริ่มวิ่ง
ว่ากันด้วยเรื่องสถิติของโพสท์จากเฟซบุคไปแล้ว คราวนี้เราถามแอดมินทั้งสามว่าถ้าตัดเรื่องตัวเลขออกไปแล้ววัดจากความรู้สึกของแต่ละคน สิ่งของที่พี่ตูนได้รับชิ้นไหนคือความพีคที่สุดเท่าที่ติดตามในไลฟ์มา ตั๊กตอบว่า “พี่ตูนน่าจะได้ครบทุกอย่างแล้วจริงๆ จบการวิ่งแล้วน่าจะเปิดจีฉ่อย (ร้านขายของชำที่ขายทุกอย่าง) ได้เลย แต่ที่เราว่าพีคสุดๆ แล้วก็คือ ปลาเค็ม ทุเรียน และเครื่องกรองน้ำ คือแต่ละจังหวัดไม่ยอมแพ้กันจริงๆ พยายามจะเกทับกันว่าฉันจะต้องยิ่งใหญ่กว่า ซึ่งนี่ก็เป็นความสนุกของไลฟ์ที่ทำให้บรรยากาศการวิ่งคึกคักขึ้นด้วยแหละ อ้อ อีกอย่างที่เราว่าพีคก็คือหมูหันที่มาทั้งตัว ตัวเบ้อเริ่ม ตลกตรงที่พอทุกคนยกให้พี่ตูนแล้ว ก็พร้อมใจกันแผดเสียงตะโกนว่า ’หมูหัน หมูหัน’ เราดูแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ คิดในใจว่าพีคจริงแต่ก็เป็นความน่ารักของคนในจังหวัดนั้นนะที่อยากให้กำลังใจพี่ตูนในแบบของเขา”
โมเมนท์ที่ได้เจอพี่ตูน…
ยอดไลก์ ยอดแชร์ทะลุเป้าหมดแล้ว รางวัลตอบแทนของสามแอดมินก็คือวันที่พวกเธอได้ไปเจอกับพี่ตูนตัวเป็นๆ แก้วเล่าว่า “วันนั้นเราขับรถจะแวะไปเอาของที่ร้านรุ่นพี่แถวๆ รางน้ำเฉยๆ แต่ตอนที่ออกมาแล้ว รถกำลังติดอยู่ เพื่อนอีกคนก็โทรมาบอกว่าจะเอาเงินบริจาคที่รวบรวมมาได้ไปให้พี่ป๊อกกับพี่ตูนนะ เพราะเขาเป็นแก๊งค์วิ่งแล้วก็รู้จักกันอยู่แล้ว พี่เขาก็ชวนว่าจะไปด้วยกันไหม ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากเลยค่ะ คือประมาณว่า ณ จุดนั้น ถ้ามีงานอะไรเข้ามา พร้อมเทไปหาพี่ตูนหมด ตัดสินใจเลี้ยวรถกลับไปแล้วก็โทรตามตั๊กกับเดือนให้ออกมา คิดในใจกันแค่ว่าแค่ได้ไปเห็นพี่ตูนใกล้ๆ ก็พอแล้ว เพราะคิดว่าแกคงมีคิวสัมภาษณ์เยอะแยะ แต่พอไปถึงตรงนั้นจริงๆ ก็ได้คุยกับพี่ตูน เอาป้ายเพจไปให้แกถือถ่ายรูป แล้วแกก็เป็นคนน่ารักมากๆ ชวยคุยนู่นนั่นนี่ บอกกับเราว่าปลาเค็มน่ะชอบนะ ทุกทีได้แค่เป็นชิ้น คราวนี้ได้เป็นตัว ชอบเลย เราก็ขำกัน แล้วพอถึงตอนถ่ายรูปหมู่ แกก็เรียกพวกเราเข้าไปร่วมเฟรมด้วย ทั้งๆ ที่ตอนแรกเราก็ตั้งใจกันไว้ว่าไม่อยากใช้อภิสิทธิ์ในการเป็นแอดมินหรือการที่เรารู้จักใครข้างในตรงนี้ในการไปถ่ายรูปกับพี่ตูน เราแค่อยากชื่นชมเขาห่างๆ ก็พอ แต่สุดท้ายแล้วได้พี่ตูนมาโอบไหล่หนึ่งที เราก็เขินกันไปตามๆ กันค่ะ"
อีกหนึ่งรางวัลคือความอิ่มเอมใจ
“เพจนี้ไม่ได้เงิน ไม่ได้อะไรเลย ทำเอามันกันและใช้ใจล้วนๆ เพราะพวกเราเป็นติ่งพี่ตูนระดับหนึ่งกันอยู่แล้ว ในแง่ของดิจิตอลมาร์เกตติ้งซึ่งเป็นงานประจำที่พวกเราทำกันอยู่ เพจนี้ก็เป็นเหมือนโปรเจคท์ที่เราได้ทำการทดลองอะไรหลายๆ อย่างกับเฟซบุค ได้ความรู้ใหม่ๆ และได้รู้อินไซด์จริงๆ ว่าคนไทยชอบคอนเทนท์เชิงไหน ส่วนสิ่งที่เราได้นอกจากการได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในโครงการแบบอินไซด์และความรู้เกี่ยวกับของดีประจำจังหวัดแล้วก็คือความอิ่มเอมในใจพวกเราสามคน ได้เห็นความอดทนและความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของทั้งพี่ตูนและทีมงาน ได้เห็นแรงใจที่ทุกคนส่งให้ แถมได้เห็นความมีน้ำใจปนความตลกแบบน่ารักๆ ของคนไทย เราเหมือนได้ซึมซับพลังดีๆ เข้าไปในแต่ละวันจริงๆ"
ถ้าทีมแอดมินสามารถให้อะไรกับพี่ตูนก็ได้หนึ่งชิ้น สิ่งนั้นคือ…
"จริงๆ แล้ววันที่ได้เจอกันที่คิงพาวเวอร์ เราก็ติดเอายานวดแก้เคล็ดขัดยอก ครีมกันแดด แล้วก็ขนมติดไปให้พี่ตูนแล้ว แต่ถ้าได้เจอพี่ตูนตอนที่แกวิ่งเข้าเส้นชัยแล้ว เราก็อยากทำคลิปรวบรวมโมเมนท์น่ารักๆ ระหว่างทางให้แกนะ เพราะสังเกตเวลาที่เฮียแกลงรูปในอินสตาแกรม จะเป็นรูปพวกการ์ดหรือข้อความให้กำลังใจต่างๆ ซึ่งคงจะมีความหมายมากๆ สำหรับพี่เขา"
ก้าวต่อไปของ "วันนี้พี่ตูนได้อะไร"
ก้าวคนละก้าวกำลังจะจบลงในอีกไม่กี่อึดใจ เราถามทีมแอดมินว่าจะทำอะไรกันต่อสำหรับเพจนี้ พวกเธอบอกว่าก็คงจะอัพเดทกันต่อไปเพราะเชื่อว่าพี่ตูนคงมีโปรเจคท์ในอนาคตและคงจะไม่ได้อยู่นิ่งๆ อยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่อยากฝากบอกทุกคนก็คือคำขอบคุณ "ขอบคุณลูกเพจทุกคนที่ติดตามกันมา แล้วพวกเราก็ต้องขอบคุณมากๆ ที่คอยช่วยแคป ช่วยแชร์เป็นสายข่าวให้ เป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ครบทุกรสชาติสำหรับพวกเรา ซึ่งก็ดีใจมากๆ"
ติดตามความสนุกโค้งสุดท้ายจากทีมแอดมินได้ที่เพจ วันนี้พี่ตูนได้อะไร
