เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีหวยอลเวง 30 ล้านบาท ว่าในวันนี้ (21 มี.ค.) เป็นวันกำหนดนัดให้ นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือนายแผน อายุ 46 ปี พยานฝั่ง นายปรีชา ใคร่ครวญ มาเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาให้การเท็จ ตามหมายเรียกครั้งที่ 2 แต่เนื่องจากเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา นายสุกิจ พูลศรีเกษม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากนายแผน ได้เดินทางมายื่นเอกสารขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ออกไปเป็นวันที่ 7 เมษายนนี้ โดยให้เหตุผลว่า นายแผนไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี และอยู่ระหว่างการเรียกร้องความเป็นธรรม จึงขอเลื่อนออกไปก่อน
พ.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้จะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ในช่วงบ่ายของวันนี้ เพื่อพิจารณาว่าจะสามารถเลื่อนกำหนดการตามที่มีการยื่นหนังสือร้องขอมาได้หรือไม่ โดยจะนำพฤติการณ์ของนายแผนที่สามารถเดินทางไปขอความเป็นธรรมตามสถานที่ต่างๆ แต่กลับอ้างว่าไม่สามารถมายังกองบังคับการปราบปรามได้ เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาด้วย
ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) ในฐานะหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีหวย 30 ล้านบาท จ.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการปราบปราม (รองผบก.ป.) พร้อมคณะทำงานประชุมคลี่คลายคดี และกรณีออกหมายเรียกนายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือนายแผน หลังเจ้าตัวส่งหนังสือขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาออกไปเป็นวันที่ 7 เมษายน เนื่องจากติดภารกิจเดินทางไปร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ โดยการประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมง โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพการประชุมแต่อย่างใด
ภายหลังการประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมง พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวว่า ในที่ประชุมเห็นว่าสาเหตุของการเดินทางไปร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ ไม่ใช่เหตุผลอันสมควรในการขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตามในที่ประชุมพิจารณาเห็นว่าจะให้โอกาสนายแผนเป็นครั้งสุดท้ายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันที่ 28 มีนาคมนี้ หากไม่เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อหาก็จะมีการออกหมายจับ
"การแจ้งข้อกล่าวหากับนายแผนนั้น ไม่ใช่เพราะตัวในแผนกลับคำให้การจึงถูกดำเนินคดี แต่คำให้การของนายแผนเป็นการให้การเท็จและไม่มีเหตุการณ์ตามที่นายแผนกล่าวอ้าง ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้การเท็จเพื่อดำเนินคดี" รองผบก.ป.กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ทนายความของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ยื่นข้อเสนอให้ครูปรีชา ใคร่ครวญ" จับมือกันเพื่อไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ใช้อำนาจช่วยตัดสินคดีหวยอลเวง 30 ล้าน ซึ่งต่อมาฝ่ายครูปรีชาได้ออกมาปฏิเสธตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า คดีนี้คงไม่ต้องถึงมือนายกรัฐมนตรี เพราะทุกวันนี้นายกฯ มีภารกิจมากมายอยู่แล้ว อีกทั้งกฎหมายปกติก็สามารถทำได้ และเชื่อมั่นว่า พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้ทำคดีอย่างเต็มที่และดีที่สุด งานนี้ยืนยันว่าไม่มีมวยล้มต้มคนดูอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าว จ.กาญจนบุรี รายงานว่า เมื่อเวลา 08.30 น.วันเดียวกัน นายปรีชาได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่บริเวณหน้าบ้านพัก
นายปรีชากล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้พูดคุยกับนางปณัญชยา สุขผล หรือเจ๊เกียว ซึ่งเป็นหนึ่งในพยานของตนเอง เนื่องจากต่างฝ่ายต่างไม่มีเวลาเพราะต้องทำมาหากิน อย่างไรก็ตามในวันที่ 22 มีนาคมนี้ ตนเองพร้อมด้วยทนายความจะไปที่กระทรวงยุติธรรมเพื่อร้องขอความเป็นธรรมในหลายๆ เรื่อง โดยจะไปร้องเรียนที่สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม หลังจากนั้นก็จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่หน้ากระทรวงยุติธรรมในเวลา 09.00 น.
นายปรีชากล่าวต่อว่า จนถึงขณะนี้ก็ยังมั่นในจว่าสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 หมายเลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ มูลค่า 30 ล้านบาท เป็นของตนเอง คือจริงๆ แล้วลอตเตอรี่นั้นเป็นของครู แต่ไปอยู่ในกระเป๋าของคนอื่น ครูเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ถึงซี 8 จะไปตู่เอาลอตเตอรี่ที่อยู่ในกระเป๋าของคนอื่นได้อย่างไร สมมุติว่าไปตู่เอาลอตเตอรี่เขาแล้วจะได้ประโยชน์อะไร แต่นี่คือสิ่งที่ครูทำลอตเตอรี่หล่นหาย และสิ่งที่ลุงจรูญไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาไปซื้อจากใครมา ซื้อมาจากตรงไหน
"เพราะลอตเตอรี่ที่มาถึงมือเจ๊บ้าบิ่นเป็นมือสุดท้าย แล้วเจ๊บ้าบิ่นก็เป็นคนส่งมาให้ผม ดังนั้นลุงจรูญจึงหาที่มาของการซื้อลอตเตอรี่ไม่ได้ เพราะคนขายคนสุดท้ายคือเจ๊บ้าบิ่น และบอกได้เลยนะครับว่า ลอตเตอรี่เลข 26 ฉบับนี้ วันที่ 31 ตุลาคม 2560 ไม่มีวางอยู่บนแผง ยืนยันว่าไม่มีอย่างแน่นอน ซึ่งต้องมีลูกค้าสั่งเท่านั้นจึงจะได้ลอตเตอรี่ชุดนี้ และคนคนหนึ่งที่เป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะไปโกหกหรือไปตู่เอาลอตเตอรี่ในกระเป๋าของคนอื่นได้อย่างไร โดยสมมุติว่าถ้าเขามีที่มาที่ไปและสามารถพิสูจน์ได้ก็ติดคุกสิครับ" นายปรีชากล่าว
ครูปรีชากล่าวอีกว่า ตอนนี้เรื่องยังไม่ถึงในกระบวนการศาลเลย ครูก็โดนสังคมประณามแล้วว่าเป็นคนโกหกและเป็นครูที่ไม่ดี แต่ก็ไม่เป็นอะไร ขอให้รอกระบวนการตัดสินของศาล และเมื่อศาลตัดสินเรียบร้อยแล้ว เราก็จะได้รู้ว่าคนไหนเป็นคนถูกหรือคนผิด
สำหรับลอตเตอรี่นั้นมีเส้นทางที่มาที่ไปเริ่มตั้งแต่ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว มาจนถึงผู้ขายคนที่ 1 และคนที่ 2 นี่คือที่มาที่ไป แล้วขอถามว่าฝ่ายโน้นมีที่มาที่ไปตรงไหน นี่คือคำตอบที่ครูอยากจะบอกสังคม ซึ่งยอมรับและให้เกียรติความคิดเห็นของผู้คนในสังคมทั้งประเทศไทย ที่เขาจะต่อว่า หรือตำหนิติเตียน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากให้สังคมมองกว้างๆ สักนิดหนึ่งว่า ครูคนหนึ่งเป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ระดับซี 8 จะไปโกหกมดเท็จเพื่อไปเอาลอตเตอรี่หรือเงินในกระเป๋าของคนอื่นได้อย่างไร และจะทำไปทำไม ถ้าไม่ใช่ของตัวเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าฝั่งโน้นเริ่มรู้อะไรจึงชวนครูไปพบนายกรัฐมนตรีเพื่อหาทางออกแบบวินวิน ครูปรีชาตอบว่า ประเด็นนี้ครูไม่ทราบเรื่องจิตใจของเขา ซึ่งจิตใจของเขาเป็นอย่างไรผมไม่รู้ แต่ที่รู้ก็คือเขานัดว่าจะไปพบนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมก็ได้ชี้แจงไปแล้วว่าท่านนายกรัฐมนตรีมีภารกิจเยอะ ซึ่งเราสามารถไกล่เกลี่ยในชั้นศาลได้
ทั้งนี้ครูปรีชาก็ลำดับเหตุการณ์ว่า วันที่ครูมารับลอตเตอรี่กับเจ๊บ้าบิ่นในวันที่ 31 ตุลาคม 2560 นั้น แผงขายลอตเตอรี่ตั้งเรียงกันอยู่ 5 แผง เจ๊พัชตั้งอยู่ขวามือสุด ส่วนแผงที่ 2-3 เป็นแผงของเจ๊เกียว แผงถัดไปเป็นของเจ๊ซิ้ม และอีก 1 แผงที่ถัดไปจากเจ๊ซิ้มก็คือแผงของเจ๊บ้าบิ่น แต่เมื่อครูไปถึงก็พบว่าเจ๊ซิ้มไม่อยู่ที่แผง เพราะไปเดินเล่นภายในตลาดนัดตลาดเรดซิตี้ เมื่อเจ๊พัชเห็นครูเดินมาก็ตะโกนบอกให้เจ๊บ้าบิ่นนำ
ลอตเตอรี่ที่ครูสั่งจองไว้ส่งให้ครู เมื่อครูได้รับลอตเตอรี่แล้ว ครูจึงจ่ายค่าลอตเตอรี่ให้เจ๊พัช แต่เจ๊พัชบอกครูให้ไปจ่ายกับเจ๊บ้าบิ่น เพราะเจ๊บ้าบิ่นได้จ่ายแทนครูไปแล้ว ถามว่าลอตเตอรี่หล่นหายที่ไหนนั้นครูไม่ทราบ
นายปรีชากล่าวต่ออีกว่า ส่วนเรื่องการตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ของครูที่ทางกองปราบตรวจสอบ ปรากฏว่าไม่มีสัญญาณ แต่ก่อนหน้านี้ที่ตำรวจภาค 7 ตรวจสอบ พบว่ามีสัญญาณที่ตลาดเรดซิตี้ นี่คือที่มาของการที่จะเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมในวันพรุ่งนี้ (22 มี.ค.)
"สำหรับเรื่องของผู้การ (พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล บผก.ภ.จว.กาญจนบุรี) ผู้การเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เป็นเรื่องอะไรที่ทุกคนงงกันมาก จึงรู้สึกสงสารท่าน เพราะไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร ผมก็ไม่กล้าจะแสดงความคิดเห็น เพราะเราก็ไม่ทราบว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร แต่ผมกับผู้การเจอกันแค่สองครั้งคือร้อยเวรเป็นคนพาไปเพื่อให้ชี้แจงและเล่าเรื่องราวที่มาที่ไปให้ท่านผู้การฟัง ก็เลยอยากจะฝากสังคมว่า ในเมื่อมีที่มาที่ไปขนาดนี้ทำไมลุงจรูญจึงหาคนขายให้ไม่ได้ เพราะคนขายก็คือคุณบ้าบิ่น และเขาก็ไล่ที่มาที่ไปของลอตเตอรี่หมดแล้ว" ครูปรีชากล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าครูยังมั่นใจอยู่ใช่หรือไม่ ครูปรีชาตอบว่า นี่ก็คือสิ่งที่เป็นความจริง ไม่ใช่เรื่องความมั่นใจ แต่เรียกว่าความจริงที่เราบอกมา จึงอยากให้ลุงจรูญไปจำลองเหตุการณ์แบบเราบ้างว่าลุงจรูญซื้อลอตเตอรี่มายังไง เมื่อมาถึงตลาดนัดแล้วลุงจรูญอยู่ตรงไหน เพราะวันที่ลุงจรูญมาชี้จุดในวันนั้นไม่มีตลาดนัด ซึ่งวันอังคาร กับวันศุกร์ตลาดเรดซิตี้จะมีตลาดนัด ก็ขอเรียนเชิญลุงจรูญนะครับ ขอให้ไปชี้สถานที่หน่อย เพื่อสร้างความกระจ่างให้สังคม โดยที่ผ่านมาผมก็พยายามทำความกระจ่างให้สังคมมาโดยตลอด
เมื่อถามว่าสมมุติว่าเมื่อคดีไปถึงชั้นศาลแล้วหากผลตัดสินพลิกกลับมาเป็นของครูปรีชา ตรงนี้ครูปรีชาจะดำเนินการอย่างไรกับหมวดจรูญ ครูปรีชาตอบว่าเรื่องนี้ครูเคยบอกเอาไว้ตั้งนานแล้วว่า ที่จริงแล้วครูไม่ได้โกรธลุงจรูญ และไม่ได้มีอะไรกับการกระทำของคุณลุง เพราะเราต่างก็เป็นคนเมืองกาญจน์ด้วยกัน ซึ่งก็จะอโหสิกรรมให้กันอยู่แล้วถึงแม้เรื่องจะเป็นอย่างไร
"แต่สำหรับตอนนี้ผมโดนสังคมเล่นงานทางโซเชียลเยอะแยะไปหมด ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้นเกิดจากการกระทำของทนายความฝั่งโน้นด้วย และสิ่งนี้คือสิ่งที่ผมจะเดินทางไปร้องเพื่อขอความเป็นธรรม โดยในวันพรุ่งนี้นอกจากจะไปร้องขอความเป็นธรรมจากกระทรวงยุติธรรมแล้ว ผมจะไปร้องขอความเป็นธรรมที่สภาทนายความด้วย ดังนั้นฝากสื่อมวลชนช่วยกระจายข่าวออกไปว่าผมจะไปร้องในสิ่งที่ผมถูกละเมิดหลายๆ อย่างกับทนายความฝั่งโน้น" ครูปรีชากล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่ครูปรีชาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแล้วเสร็จ ขณะที่กำลังยืนเล่นอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน อยู่ๆ ก็มีชายสูงอายุแต่งกายนุ่งขาวห่มขาวนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์รับจ้างมาจอดที่หน้าบ้านใกล้ครูปรีชา ชายสูงวัยคนดังกล่าวได้ถามว่าใช่ครูปรีชาหรือไม่ ครูปรีชาก็ตอบกลับว่าใช่ ชายคนดังกล่าวจึงลงมาจากรถพร้อมหิ้วถุงสะพายผ้าสีขาวเดินเข้ามาหา เมื่อมาถึงก็ก้มกราบแทบเท้าของครูปรีชาทันที ทำให้ครูปรีชาตั้งตัวและรับไหว้แทบไม่ทัน
ชายคนดังกล่าวบอกครูปรีชาว่า ตนจบนักธรรมเอก เดินทางมาจาก อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (20 มี.ค.) และคืนที่ผ่านมาได้หลับนอนอยู่ที่ศาลาวัดไชยชุมพลชนะสงคราม หรือวัดใต้ จนกระทั่งเช้าจึงจ้างรถจักรยานยนต์ให้ช่วยพามาหาครูปรีชาที่บ้าน ตามที่อยู่ที่จดเอาไว้ในกระดาษ ที่ได้มาจากหนังสือพิมพ์
จากนั้นครูปรีชาได้นั่งคุยกับชายชราคนดังกล่าวอย่างเป็นกันเอง การพูดจาของชายคนดังกล่าวดูแล้วเป็นคนพูดจาออกไปทางธรรมะ และบอกกับครูปรีชาว่า การมาครั้งนี้ไม่ได้มาหาครูปรีชาเพียงคนเดียว แต่จะไปพบหมวดจรูญด้วย ซึ่งชายคนดังกล่าวได้พูดคุยกับครูปรีชาตอนหนึ่งว่า การมาครั้งนี้ก็เพื่อขอร้องให้คู่กรณีทั้งคู่มาตกลงกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขอให้มาตกลงกันโดยที่ไม่มีผู้แพ้หรือผู้ชนะได้ไหม
สุดท้ายแล้วชายชราคนดังกล่าวได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเองให้ครูปรีชาฟังไปต่างๆ นานา แต่บทสรุปคือ เขาจะขออาศัยครูปรีชาอยู่ที่บ้านชั่วคราว ซึ่งครูปรีชาก็ตอบปฏิเสธ เพราะที่บ้านมีพี่สาวอยู่เพียงคนเดียวจึงให้อยู่ด้วยไม่ได้ จนที่สุดตกลงว่าจะนำชายชราไปฝากให้อาศัยที่วัดเทวสังฆาราม พระอารามหลวง หรือวัดเหนือ ซึ่งอยู่ตรงข้าม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจบก.ปอท. เพื่อให้ดำเนินคดีกับน.ส.กนกพรรณ หมวกไสว หรือฟ้า และเพื่อนสาวอีกคนในความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังได้ถ่ายทอดสดผ่านยูทูบ ซึ่งมีการเปิดคลิปลามกในมือถือโชว์ออกอากาศ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม ศาลอาญาได้อนุมัติหมาจับแล้ว ในข้อหาร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดใด ที่มีลักษณะลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้, เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 14(4) อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14(4),(5)
ภายหลังศาลอนุมัติหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว น.ส.กนกพรรณทันทีที่ย่านบากกอกน้อย แล้วนำตัวมาสอบสวนที่บก.ปอท. และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
น.ส.กนกพรรณ กล่าวว่า ไม่มีเจตนาจะหลบหนี สำหรับกรณีคลิปที่มีคนมาเผยแพร่เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยภายในคลิปตนและเพื่อนได้ถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ยืนยันว่าคลิปดังกล่าวนั้นถ่ายไว้เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2560 ซึ่งถ่ายเล่นกับเพื่อน ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว และไม่ได้มีการเผยแพร่แต่อย่างใดเพราะเมื่อไลฟ์เสร็จแล้วก็ลบทิ้ง จึงไม่ทราบว่าใครเอาคลิปดังกล่าวมา โดยเนื้อหาภายในคลิปดังกล่าวเป็นการล้อเลียนบุคคลที่ประสงค์ไม่ดีกับตน ขอยันยืนยันว่าคลิปดังกล่าวไม่มีความโป๊หรืออนาจารแต่อย่างใด เชื่อว่าโดนกลั่นแกล้ง รังแก จึงขอความเป็นธรมมจากเจ้าหน้าที่ บก.ปอท. ด้วยในครั้งนี้
น.ส.กนกพรรณ กล่าวต่อว่า ได้เตรียมหลักทรัพย์ในการประกันตัวมา 100,000 บาท หรือถ้าไม่ได้รับการประกันตัวในวันนี้ก็แค่เปลี่ยนโลเคชั่นที่นอนเท่านั้น ทั้งนี้ภายหลังได้รับการประกันตัวจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่แจ้งความดำเนินคดีกับตน และผู้ที่นำคลิปวิดีโอดังกล่าวไปเผยแพร่ เพราะเป็นคลิปส่วนตัว ผู้อื่นไม่สามารถนำไปเผยแพร่ได้หากไม่ได้รับอนุญาต แต่จะดำเนินคดีกับใครนั้นขอเวลาปรึกษาทนายความก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากสอบปากคำเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมน.ส.กนกพรรณ ไปตรวจค้นที่บ้านพักย่านร่มเกล้า แขวงและเขตมีนบุรี กทม. จากนั้นควบคุมตัวกลับมาสอบปากคำเพิ่มเติม จนกระทั่งเวลา 19.00 น.ก็ยังไม่แล้วเสร็จ และยังไม่พิจารณาให้ น.ส.กนกพรรณ ได้รับการประกันตัวจากพนักงานสอบสวน
สำหรับ น.ส.กนกพรรณ ก่อนหน้านี้เป็นหนึ่งในพยานในฝั่งของครูปรีชา แต่เมื่อเร็วๆ นี้ประกาศถอนตัว แต่ยังมีความเคลื่อนไหวสนับสนุนครูปรีชาอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาเวลา 18.30 น. นายฐนุกร หรือนายแผน เข้าพบ ร.ต.อ.รุ่งโรจน์ โตไร่ รอง สว.(สอบสวน) สน.บางยี่ขัน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ 1.บมจ.อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง 2.นายพุทธ อภิวรรณ ผู้ดำเนินรายการต่างคนต่างคิด และ 3.นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความฝ่าย ร.ต.ท.จรูญ วิมล ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา