โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ออเจ้าหุ้น BEC ในวิกฤตอาจมีโอกาส ?

Stock2morrow

อัพเดต 14 มี.ค. 2561 เวลา 10.03 น. • เผยแพร่ 14 มี.ค. 2561 เวลา 09.21 น. • Stock2morrow
ออเจ้าหุ้น BEC ในวิกฤตอาจมีโอกาส ?
ออเจ้าหุ้น BEC ในวิกฤตอาจมีโอกาส ?

หุ้น BEC ช่อง 3 กำลังต้องพบกับวิกฤตทางด้านรายได้และกำไรที่ลดลงอย่างหนักหน่วง อาจจะถือได้ว่าเป็นจุดวัดใจครั้งสำคัญของครอบครัว “มาลีนนท์” ที่จะต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจทีวีดิจิทัล เพราะจุดพลิกใหญ่ของ “ทีวีดิจิทัล” ช่องใหม่ๆ มาพร้อมกับคู่แข่งรายใหม่ๆ เข้ามาชิงส่วนแบ่งโฆษณาจนเค้กก้อนใหญ่กลับเหลือก้อนเล็กลง จากพฤติกรรมคนดูที่เปลี่ยนไป และแพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น อย่าง Facebook Live , youtube, IG live

สำหรับ “รายการข่าว” ที่เคยเป็นหัวใจของการสร้างรายได้รองจาก “ละคร” หลังจากขาดพิธีกรที่ชื่อ “สรยุทธ สุทัศนจินดา” เรตติ้งก็ตกลง คู่แข่งช่องข่าวและช่องวาไรตี้ต่างๆ เกิดเพิ่มขึ้นมากมาย ทั้งช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดคนดูไป ย่อมส่งผลให้รายได้จากโฆษณารายการข่าวหายไปถึง 80%    

3 ช่องทีวีดิจิทัล ที่ประมูลมาได้ แทนที่จะเป็น “โอกาส” กลับกลายเป็น “ต้นทุน” ที่ช่อง 3 ต้องแบกรับ เพราะไม่สามารถหารายได้มาหล่อเลี้ยงได้ทัน

หุ้น BEC เพิ่งประกาศตัวเลขผลประกอบการปี 2560

ว่ากำไรลดเหลือเพียง 61 ล้านบาทลดลงจาก 1,218 ล้านในปี 2559

และถ้าดูตัวเลขย้อนกลับไปอีก 2 ปี จะยิ่งน่าตกใจมากขึ้น

เพราะปี 2558 กำไรของช่อง 3 เคยสูงถึง 2,982 ล้านบาท และกำไร 4,414 ล้านบาทในปี 2557 ดูจาก “ตัวเลข” แล้วน่ากลัวมาก นอกจากตัวเลขกำไรจะลดลงแล้ว

“เรตติ้ง” ของช่องก็ลดลงเรื่อย ๆ นั่นคือ “ข่าวร้าย” ของ “ช่อง 3” แต่ในช่วงเวลาเดียวกันก็มี “ข่าวดี” เกิดขึ้น

ในช่วงเหตุการณ์ที่มีแต่ “เรื่องราวปัญหา” ก็ยังมี “เรื่องราวดีๆ” 

เมื่อละคร“บุพเพสันนิวาส” สร้าง”ปรากฏการณ์” ในวงการโทรทัศน์ระดับ “หยุดเวลา” คนเกือบทั้งประเทศไว้ที่หน้าจอโทรทัศน์

ทั่วบ้านทั่วเมือง “โซเชียลมีเดีย” มีแต่เรื่องราวของแม่หญิงการะเกด และหมื่นสุนทรเทวา

คำว่า “ออเจ้า” กลายเป็นคำฮิต “เรตติ้ง” ของ “บุพเพสันนิวาส” พุ่งขึ้นเรื่อย ๆ

ตอนนี้ถ้าเทียบกันตอนต่อตอนเรตติ้งของ “บุพเพสันนิวาส” ชนะ “นาคี” ไปแล้ว

(วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ อธิบายคำเรียก “ออ” ซึ่งแปลว่า “คุณ” เป็นคำสรรพนามบุรุษที่ 1 ใช้เรียกผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ได้ เป็นคำไทยใช้มาตั้งแต่สมัยอยุธยา ไม่นิยมใช้ในรั้วในวัง เพราะเป็นภาษาของชาวบ้าน หรือไพร่เรียกผู้ชายว่า “ออท่าน” หรือ ผู้หญิง เรียก “ออเจ้า” ที่มีศักดินาสูงกว่า ส่วนใหญ่จะใช้กับผู้ชาย)

 

จากกำไรสุทธิ 4.4 พันล้านบาท เมื่อปี 2557 ล่าสุดกำไรลดลงเหลือ 61 ล้านบาท ในปี 2560 ราคาหุ้นก็ตอบรับแบบเดียวกันจาก 51 บาท เหลือ 9.85 บาทจุด New low ในรอบปี จนเด้งกลับมาที่ 13.80 บาท มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับหุ้นออเจ้า ?

 

1) อุตสาหกรรมโฆษณาหดตัว โทรทัศน์ตกหนัก

คือไม่ดีตั้งแต่ภาพใหญ่ ปี 2560 เม็ดเงินโฆษณา -6% เหลือ 101,445 ล้านบาท

43% คือ TV Analog + Cable ลดลง 13%

22% TV Digital เพิ่มขึ้น 7%

แต่ถ้ารวม TV Analog, Cable, Digital เข้าด้วยกันลดลง 7.3%

14% วิทยุ แมกกาซีน หนังสือพิมพ์ ลดลง 22%

7% โรงหนัง เติบโตเพิ่มถึง 25% (เอ๊ะ ๆ หุ้นโรงหนังน่าสนใจมั้ยนะ)

ถ้ามาดูเดือนมกราคม ก็ยังเป็นแนวโน้มเดิม เม็ดเงินโฆษณา -8.5% คือ ทีวีก็ยังตกหนักอยู่ วิทยุ หนังสือพิมพ์ไม่ฟื้น แต่โรงหนัง และสื่อกลางแจ้งเติบโต 

2) BEC รายได้ตกหนักกว่าอุตสาหกรรม เพราะเรตติ้งไม่ดี

ปี 2557 รายได้ 16,381 ล้านบาท , กำไรสุทธิ 4,415 ล้านบาท

ปี 2558 รายได้ 16,018 ล้านบาท (-2%), กำไรสุทธิ 2,983 ล้านบาท (GPM 37.4% NPM 18.6%)

ปี 2559 รายได้ 12,534 ล้านบาท (-23%), กำไรสุทธิ 1,218 ล้านบาท (GPM 28.3% NPM 9.7%)

ปี 2560 รายได้ 11,226 ล้านบาท (-10%), กำไรสุทธิ 61 ล้านบาท (GPM 16.8% NPM 0.5%)

จะเล่าให้ฟังแบบนี้ คนที่ลงโฆษณาหลัก ๆ ของช่อง 3 เนี่ย คือ บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค ค่ายมือถือ ค่ายรถยนต์ ธนาคาร หลัก ๆ คือบริษัทเหล่านี้ แล้วถ้าเราดูหุ้นบริษัทเหล่านี้ก็จะรู้ว่าควบคุมค่าใช้จ่ายกันทั้งนั้น จึงไม่แปลกใจที่จะลงโฆษณาน้อยลง และเวลาลงโฆษณาก็จะดูจากเรตติ้ง ซึ่งช่อง 3 ก็ตกลงมาเรื่อย ๆ บริษัทเหล่านี้ก็เลยโยกไปลงช่องอื่นอย่าง WORK, MONO, ONE, AMARIN, 8 กันแทน

นอกจากนี้ ทุกบริษัทยังแบ่งงบไปลงสื่อออนไลน์อย่าง Facebook, Youtube หรือจ้าง Blogger มารีวิวกันมากขึ้น ทำให้รายได้ของช่อง 3 จะน้อยลงไปเรื่อย ๆ ถ้ายังเน้นอยู่แต่ทีวีอย่างเดียว โดย 90% ของรายได้ BEC ทุกวันนี้มาจากโฆษณา

3) ต้นทุนแซงรายได้ ทำให้กำไรตกหนัก

หลัก ๆ เลย คือ ไปประมูลช่องดิจิตอลมาเพิ่ม 2 ช่อง ทำให้ต้องจ่ายค่าสัมปทาน ทุกปีจะมีการตัดค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย 3-4,000 ล้านบาท และปี 2560 มีค่าต้นทุนผลิตรายการกับถ่ายทอดกีฬามาเพิ่มเยอะ (+425 ล้านบาท) มีคนบอกว่าช่อง 3 ชอบดองหนัง ผลิตแล้วไม่เอามาออกอากาศ แต่ชอบเอาหนังรีเมคมาออนแอร์ รายการต่าง ๆ ที่มีอยู่ที่เรตติ้งไม่ดี ก็ไม่ค่อยปรับเปลี่ยนเท่าไหร่

ปี 2560 รายได้ -10% แต่ต้นทุน +4% บีบ SG&A ลดลงมาได้ 9% แต่สุดท้ายไม่พอ กำไรจากหลักพันล้านร่วงมาเหลือแค่หลักสิบล้านบาท

4) ผู้บริหารจาก INTUCH ไปแล้ว

เมื่อต้นปีที่แล้ว BEC เชิญคุณสมประสงค์ บุญยะชัย จาก INTUCH เข้ามาช่วย รวมทั้งมีทีมงานจาก Intuch และ Advanc เข้ามาเพียบ มีการตั้งตำแหน่งใหม่ ๆ ทั้ง Chief Marketing, Chief Technology คือ จะเอาเทคโนโลยีจากค่ายมือถือที่เชี่ยวชาญมาช่วยขับเคลื่อนองค์กร แต่สุดท้ายคุณสมประสงค์ก็ไขก๊อกลาออกไปแล้ว

กล่าวโดยสรุป คือ อุตสาหกรรมธุรกิจทีวีกำลังหดตัว ผสมกับมีคู่แข่งรายใหม่ๆ เข้ามาในตลาดมากขึ้น กับการที่หุ้น BEC เรตติ้งช่วงที่ผ่านมายังไม่ดี บริษัทต่าง ๆ โยกเงินไปโฆษณาช่องอื่นและออนไลน์กันมากขึ้น บวกกับต้นทุนที่เพิ่มมากกว่ารายได้ เพิ่งกลับมาเรตติ้งดีมากอีกครั้งหลังจากละคร บุพเพสันนิวาส จนเกิดกระแสเรียก ออเจ้า โด่งดังทั่วประเทศ 

คงต้องจับตาดูว่าหุ้นออเจ้า BEC จะปรับตัวอย่างไรต่อไป หลายคนอาจเริ่มคิดว่า 10 บาท นี่คือโอกาสหรือเปล่า ต้องลองไปพิจารณาดูให้ดีนะครับว่า เราเห็นแสงสว่างอะไรบ้างแค่ไหน เพราะสิบบาทนี้อาจไม่คุ้มค่าทุกนาทีที่ลงทุนช่อง 3 ก็เป็นได้…

งบกำไรขาดทุนของ BEC ตรงยอดขายลดลงเรื่อยๆ อาจจะเป็นเรื่องการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้เงินในการโฆษณาลดลง ไม่ได้ดีเหมือนในอดีตถึงแม้ว่าจะเป็นช่วง Prime Time ก็ตาม ราคาโฆษณา ณ เวลานั้นก็อาจจะไม่ได้สูงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว รายได้อื่นก็เป็นหลักร้อยล้าน ดูแล้วไม่มีนัยยะสำคัญกับยอดขายทั้งหมดของบริษัทมากนัก

ในขณะที่รายจ่าย ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารมีแนวโน้มทรงตัว ไม่เพิ่มมากและก็ไม่ได้ลดลงตามยอดขาย บ่งบอกถึงบริษัทยังควบคุมรายจ่ายไม่ได้ ส่งผลให้บรรทัดสุดท้ายคือ กำไรสุทธิ ลดลงอย่างรวดเร็วใน

อัตรากำไรสุทธิของบริษัทลดลงในทุกปี อาจจะเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก Profit Margin อยู่ที่ 0.54% นั้นหมายความว่าบริษัทขายของได้ 100 บาท แต่ได้กำไรแค่ไม่ถึงบาทเท่านั้น ซึ่งจะไม่สอดคล้องกับค่า P/E และ P/BV ที่อยู่ในแนวโน้มระดับสูง แต่กลับมี Profit Margin ที่ไม่สูงนัก จริงๆถ้าดูทั้งอุตสาหกรรมก็ไม่ได้สูงมากเช่นเดียวกัน แต่กลับมีค่า P/E และ P/BV ที่สูง บอกว่านักลงทุนกำลังให้มูลค่าของสิ่งนั้นสูงหรือเปล่า ?

ราคาหุ้น BEC ลงไปต่ำสุดในรอบปี ที่ราคา 9.85 บาท ก่อนที่ราคาจะเป็นหุ้นจะเด้งกลับขึ้นมาได้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่น่าเกี่ยวกับกระแสออเจ้า แต่เป็นจุดที่นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรบางกลุ่มอาจคิดว่าเป็นจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง ถือเป็นจุดพลิกธุรกิจครั้งใหญ่ ของหุ้นออเจ้า BEC จะกลับมาฟื้นตัวได้อีกหรือไม่ ?

 

เรียบเรียงโดย Freedom VI

ป.ล. คืนนี้อย่าลืมไปเปิดช่อง 3 รอดูออเจ้ากันด้วยนะขอรับ 

-----------------------------------------------

SOURCE 

stock vitamin 

https://positioningmag.com/1134453

https://www.prachachat.net/opinion-column-2/news-129027

http://www.springnews.co.th/view/209799 

 

 

stock2morrow

ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่ LINE@stock2morrow, FB:stock2morrow และ www.stock2morrow.com 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0