โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

มาตรการห้ามแอลกอฮอล์เกิน50มิลลิกรัมประสบอุบัติเหตุ ดีเดย์บังคับใช้ 1 มิ.ย.นี้ ไม่คุ้มครอง

สวพ.FM91

อัพเดต 01 มิ.ย. 2560 เวลา 00.16 น. • เผยแพร่ 01 มิ.ย. 2560 เวลา 00.16 น.
มาตรการห้ามแอลกอฮอล์เกิน50มิลลิกรัมประสบอุบัติเหตุ ดีเดย์บังคับใช้ 1 มิ.ย.นี้ ไม่คุ้มครอง

 

 

ดร.สุทธิพลทวีชัยการเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันอุบัติเหตุบนถนนในประเทศไทยมีสถิติผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียนจำเป็นต้องใช้หลายมาตรการในการขับเคลื่อนและมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบทั้งภาครัฐและภาคเอกชนโดยจากสถิติข้อมูลพบว่าสาเหตุการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่พบอันดับต้นๆคือการเมาแล้วขับเนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ทำให้ความสามารถในการขับขี่ลดลงที่ผ่านมาสำนักงานคปภ. ทำงานร่วมมือกับหลายฝ่ายและหน่วยงานต่างๆอาทิเช่นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมูลนิธิเมาไม่ขับคณะกรรมการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูประบบความปลอดภัยทางถนนสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศฯลฯเพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ตลอดจนร่วมกันหาแนวทางและมาตรการต่างๆเพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนซึ่งหลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าลำพังมาตรการเดิมๆที่เคยใช้รณรงค์ลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลวันหยุดเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้จึงจำเป็นต้องมีมาตรการใหม่ๆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างจริงจังและหนึ่งในกลไกสำคัญคือการใช้มาตรการทางด้านประกันภัยอย่างเต็มศักยภาพเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุ

ประกอบกับการศึกษาข้อมูลต่างๆทั้งข้อเท็จจริงข้อกฎหมายรวมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียอย่างรอบคอบแล้วสำนักงานคปภ. เห็นว่าการปรับแก้ข้อยกเว้นในกรมธรรมประกันภัยรถยนต์เรื่องลดปริมาณแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกกำหนดจะเป็นผลดีต่อประชาชนมากกว่า โดยจะเป็นมาตรการที่ช่วยส่งเสริมการณรงค์เมาไม่ขับและช่วยสนับสนุนความปลอดภัยทางถนนตามแผนการปฏิรูประบบความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืนอันจะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างเป็นรูปธรรม

ดังนั้นเมื่อวันที่16 มีนาคม2560 ตนในฐานะนายทะเบียนอาศัยอำนาจตามความในมาตรา29 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัยพ.ศ.2535 โดยออกคำสั่งนายทะเบียนที่11/2560 เรื่องให้แก้ไขแบบข้อความกรมธรรม์ประกันภัยและเอกสารแนบท้ายของกรมธรรม์ประกันภัยทั้งนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนมาตรการส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนและเสริมสร้างวินัยจราจรแก่ประชาชนโดยเป็นการปรับแก้ข้อยกเว้นตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 22/2551 ลงวันที่ 29 กันยายนพ.ศ.2551 ข้อ2 และข้อ3 (เดิม) “การขับขี่โดยบุคคลซึ่งในขณะขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดไม่น้อยกว่า 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์” สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์และเอกสารแนบท้ายของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ที่บริษัทได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียน  แก้ไขข้อความเป็น “การขับขี่โดยบุคคลซึ่งในขณะขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงฉบับที่16 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 กำหนดให้ถือว่า“เมาสุรา” ซึ่งคำสั่งนี้ให้มีผลใช้บังคับสำหรับการทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทประกันภัยตั้งแต่วันที่1 มิถุนายน2560 เป็นต้นไป  ทั้งนี้เพื่อให้สำนักงานคปภ. และบริษัทประกันภัยได้มีระยะเวลาในการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนและให้บริษัทประกันภัยได้มีเวลาเตรียมความพร้อมในการปรับแก้เอกสารเกี่ยวข้องกับการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัยตลอดจนความพร้อมด้านข้อมูลที่จะต้องแจ้งให้ผู้เอาประกันภัยทราบเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับเงื่อนไขที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

 

สำหรับสาระสำคัญของคำสั่งนายทะเบียนนี้คือ กรณีที่ผู้ขับขี่รถเอาประกันภัยภาคสมัครใจมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ประสบอุบัติเหตุจะไม่ได้รับความคุ้มครองทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากกรมธรรม์ แต่ในส่วนของผู้ประสบภัยหรือบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายจากรถคันที่เอาประกันภัยดังกล่าวยังคงได้รับความคุ้มครองโดยบริษัทประกันภัยของรถคันที่เอาประกันภัยฝ่ายผิดจะต้องให้ความคุ้มครองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินโดยบริษัทประกันภัยจะไปไล่เบี้ยเรียกคืนค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทจ่ายไปจากผู้ขับขี่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ต่อไป

 

ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนปริมาณแอลกอฮอล์ดังกล่าวไม่กระทบต่อความคุ้มครองของการประกันภัยรถภาคบังคับ(พ.ร.บ.)“มาตรการต่างๆด้านประกันภัยไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการลดเบี้ยประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัยที่ติดกล้อง CCTVภายในรถยนต์และในเรื่องการปรับลดปริมาณแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตามกฎหมายจราจรทางบกทั้งสองมาตรการที่ออกมาในช่วงนี้ก็เพื่อเป็นกลไกที่ช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนโดยจะทำให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญในการใช้รถใช้ถนนอย่างระมัดระวังและมีความปลอดภัยซึ่งจะส่งผลให้สามารถลดจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนน อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนมีความปลอดภัยจากอุบัติเหตุบนท้องถนน” ดร.สุทธิพลกล่าวในที่สุด 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0