โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

น่าปลื้มใจ!ผู้นำทั่วโลกเริ่มหันมา'ประนมมือไหว้'แทนการจับมือ ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19(ชมคลิป)

Manager Online

เผยแพร่ 13 มี.ค. 2563 เวลา 20.30 น. • MGR Online

รัสเซียทูเดย์ - ในขณะที่โลกกำลังต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) เหล่าผู้นำทั้งหลายเริ่มงดจับมือทักทาย แล้วหันไปประนมมือไหว้(นมัสเต) ตามวัฒนธรรมโบราณอินเดีย(รวมทั้งไทย)แทน ในนั้นรวมถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯและเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แห่งราชวงศ์อังกฤษ

Trump greets visits leader with a Namaste over #CoronavirusPandemic. Video released by White House. pic.twitter.com/uVh7ln1FkW— Sidhant Sibal (@sidhant) March 13, 2020

ประธานาธิบดีสหรัฐฯถูกพบเห็นทักทายแบบไม่สัมผัสเนื้อสัมผัสตัว โดยเขาประนมมือขึ้นและก้มศีรษะลงเล็กน้อย ครั้งที่เขาพบปะกับ ลีโอ วาราดการ์ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐไอร์แลนด์ เมื่อวันพฤหัสบดี(12มี.ค.)

"เราไม่ได้จับมือกันในวันนี้ เรามองกันและกัน ราวกับว่าเราจะทำยังไงกันดี มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว โดยมี วาราดการ์ ซึ่งมีเชื้อสายอินเดีย นั่งอยู่ข้างๆ

นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี เสนอแนวคิดนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเรียกร้องไม่ใช่แค่ชาวอินเดียแต่รวมถึงทั่วโลกให้นำการแสดงความเคารพแบบดั้งเดิมนี้ไปใช้ และกระทั่งก่อนหน้านี้ แม้แต่ เบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ก็มีความคิดแบบเดียวกัน โดยแนะนำชาวอิสราเอลทุกคนหันมาประนมมือไหว้แทนการจับมือ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

ขนบธรรมเนียมการไหว้นี้ยังได้ซึมซับเข้าสู่ราชวงศ์อังกฤษ ด้วยพบเห็นเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงประนมมือไหว้ทุกคนที่มายืนรอรับเสด็จฯภายในงานทรัสต์ อวอร์ดส์ ในลอนดอน แต่ระหว่างนั้นก็มีสถานการณ์ล่อแหลมอยู่บ้าง เมื่อพระองค์ทำตามความเคยชินยื่นพระหัตถ์ไปจับมือผู้มารอรับเสด็จฯ แต่ฉุกคิดดึงพระหัตถ์กลับมาได้ทัน

ปริยังกา โจปรา ดาราบอลลีวู้ดชื่อก้องโลกชาวอินเดีย ได้ออกมาสนับสนุนการไหว้ทักทายเช่นกัน โดยให้คำแนะนำทางสุขภาพแก่ผู้ติดตามบัญชีอินสตาแกรมของเธอกว่า 50.7 ล้านคนและบอกว่าการไหว้นมัสเต แม้จะเก่าแต่ก็เป็นแนวทางใหม่สำหรับทักทายกันในช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป

โควิด-19 แพร่ระบาดสู่ประชาชนมากกว่า 135,000 คนทั่วโลกและคร่าชีวิตกว่า 4,700 ราย นับตั้งแต่ที่มันอุบัติขึ้นครั้งแรกในมณฑลหูเป่ยของจีนเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่นั้นผู้ป่วยกว่าครึ่งฟื้นไข้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0