ช่วงนี้กระแส ‘ไวรัล มาร์เก็ตติ้ง’ หรือกลยุทธ์การตลาดแบบไวรัล โดยการ ‘จุดกระแส’ อะไรสักอย่างที่แบรนด์ต้องการโปรโมทผ่านโซเชี่ยลมีเดีย ด้วย Facebook, Twitter หรือการทำคลิปไวรัล ดูจะได้รับความนิยมอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ไม่นานในเมืองไทย ก็มีกรณีเพื่อน 2 คน ถกเถียงเรื่องราวของการกินเมนู ‘หมี่หยก’ ในร้าน ‘เอ็มเค สุกี้’ ว่า ถ้ากิน ‘หมี่หยก’ จะ ‘ลวก’ หรือ ‘ไม่ลวก’ จนเกิดกระแส #ทีมไม่ลวกหมี่หยก ทำให้เทรนด์ติดท็อป 5 ของโลก ด้วยจำนวนข้อความถึง 55,000 ครั้ง เลยทีเดียว
หรือแม้แต่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก็เคยทำไวรัลสุดแสบเพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวในประเทศ แบบที่คนรุ่นใหม่ต้องสนใจ ด้วยแนวคิดสุดแสบ “ถ้าคุณเผลอจะเจอโปเกมอนล้างแค้น” ซึ่งเป็นการแคนดิตให้แก๊งทีมงานของแคมเปญนี้แต่งตัวเป็นโปเกม่อน ไปไล่แกล้งผู้คนที่เล่นเกมโปเกม่อนแบบหนักๆ ในสถานที่ต่างๆ โดยที่เป้าหมายจริงๆ ไม่ใช่แค่การแกล้ง แต่เป็นการไปเก็บวิวของคนที่ถูกแกล้งผ่านมุมสวยๆ ของ Basel ซึ่งเป็นเมืองใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของสวิตเซอร์แลนด์
ล่าสุด ก็มีข้อตั้งสังเกตจากกรณี ‘การเหยียด’ ที่กลายเป็นปมดราม่าระดับประเทศกับเรื่องราวของสาวน้อยมากความสามารถจากไทย ‘ลิซ่า’ ลลิษา มโนบาล สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีแห่งวง BLACKPINK (แบล็กพิงค์) ซึ่งยังไม่แน่ใจว่านี่คือส่วนหนึ่งของแผนการทำไวรัลของ YG Entertainment ต้นสังกัดของเธอด้วยหรือไม่
ปมดราม่าของ ลิซ่า เชื่อมโยงมาจากการที่เธอได้มีโอกาสไปร่วมรายการ Real Men รายการวาไรตี้ของเกาหลี ซึ่งมีกฎห้ามแต่งหน้า ไม่ว่าจะเป็นไอดอลชายหรือหญิงที่เข้าไปร่วมรายการ
จากนั้นบรรดา ‘แอนตี้แฟน’ ชาวเกาหลี ซึ่งไม่พอใจที่หลายสื่อของเกาหลีชื่นชมในความสวยของเธอเป็นทุนอยู่แล้ว ก็ได้ปฏิบัติการตำหนิรุนแรงลงในโซเชี่ยลมีเดียว่า “ถ้าไม่แต่งหน้าหรือเปลือยหน้าสดก็คงไม่ต่างจากคนไทยทั่วไป” พร้อมกับขับไล่ให้กลับประเทศไทยไปซะ เพราะไทยเป็นแค่ประเทศด้อยพัฒนา ลิซ่าก็แค่ผู้หญิงไทยคนหนึ่งที่จะมากอบโกยเงินจากเกาหลีใต้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ต้องร้อนถึงคนไทยผู้รักชาติและสาวน้อยคนนี้ เพราะ ลิซ่า เอง ถือเป็นศิลปินที่มีแฟนคลับระดับอินเตอร์ฯ ที่คนทั่วโลกให้การสนับสนุน โดยหลังเหตุการณ์ดังกล่าว บรรดาเหล่าแฟนคลับตัวจริงก็ออกมาปกป้อง พร้อมทั้งตั้งแฮชแท็ก #RespectLisa ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในหลายประเทศ เพราะมองว่าเรื่องนี้ไม่สมควร เนื่องจากลามไปถึงการดูถึงเชื้อชาติประเทศต้นกำเนิด เป็นการเหยียดที่คนทั่วโลกไม่ยอมรับ
แฮชแท็กนี้ลุกลามไปในหลายประเทศ เริ่มต้นขึ้นที่ บราซิล อัลจีเรีย ออสเตรีย บาห์เรน เบลเยียม เดนมาร์ก เอกวาดอร์ อียิปต์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กานา กรีซ อินโดนีเซีย เคนยา เลบานอน มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ โปรตุเกส กาตาร์ รัสเซีย สวีเดน สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ ยูเครน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวียตนาม ไทย และยังรวมถึงคนเกาหลีส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ โดยที่ลิซ่าไม่ต้องเดือดร้อนอะไร
ทว่าความน่าสนใจของข่าวนี้ไม่ได้อยู่เพียงแค่ประเด็นดราม่าของวงการบันเทิง แต่ท่ามกลางข่าวดราม่านี้กลับทำให้หุ้นของ YG Entertainment ดีดตัวขึ้น โดยเปิดตลาดที่ 49,250 วอน หรือประมาณ 1,400 บาท สูงกว่าที่ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกับทะยานขึ้นไปสูงสุดที่ 50,800 วอน หรือประมาณ 1,450 บาท ก่อนปิดตลาดที่ 48,400 วอน หรือประมาณ 1,380 บาท ร่วงลงมา 1.02%
มันแปลกตรงไหน?
มันแปลกตรงที่ก่อนหน้านี้ YG ก็เคยเผชิญปัญหาดราม่าเมื่อครั้งที่ ‘ท็อป’ ศิลปินวงบิ๊กแบงมีข่าวว่าเสพกัญชา จนทำให้หุ้นของบริษัทตก 4.2% หรือข่าวคบกันของ ‘ฮยอนอา’ และ ‘อีดอน’ จากวง Pentagon สองศิลปินจากค่าย Cube Entertainment ทำให้หุ้นบริษัทร่วงลงไป 5.24% แต่ปัญหานี้กลับไม่เกิดกับข่าวของ ‘ลิซ่า’ เลย
ในอีกมุมของโลกการตลาด จึงมีการตั้งข้อสันนิษฐานว่า หรือนี่จะเป็น ‘ไวรัลมาร์เก็ตติ้ง’ อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นจากต้นสังกัดอย่าง YG แต่เป็นไวรัลที่แนบเนียนที่เกิดจาก ‘กลุ่มคน’ ไม่ใช่ ‘แบรนด์’ ซึ่งมีความแนบเนียนอย่างมาก เพื่อส่งเสริมให้กระแสความแรงของ BLACKPINK หนักขึ้น เพื่อความบูมในที่จะออนทัวร์ในช่วง “BLACKPINK 2019 WORLD TOUR [IN YOUR AREA]” ที่จะมีขึ้นในประเทศดังนี้ได้แก่…
- กรุงเทพฯ ประเทศไทย : 12 - 13 มกราคม ณ IMPACT ARENA MUANG THONG THANI
- จาการ์ตา : 20 มกราคม ณ ICE BSD
- ฮ่องกง : 26 มกราคม ณ ASIA WORLD-EXPO, ARENA
- มะนิลา : 2 กุมภาพันธ์ ณ MALL OF ASIA ARENA
- สิงคโปร์ : 15 กุมภาพันธ์ ณ SINGAPORE INDOOR STADIUM
- กัวลาลัมเปอร์ 23 กุมภาพันธ์ ณ MALAWATI INDOOR STADIUM, SHAH ALAM
- ไทเป 3 มีนาคม ณ NTSU ARENA (LINKOU ARENA)
ถึงกระนั้น ในมุมนักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่ง กลับมองว่า นี่ไม่ใช่ไวรัลใดๆ ทั้งสิ้น หากแต่เป็นส่วนหนึ่ง ที่เป็นผลมาจากความแข็งแกร่งของบรรดาแฟนคลับ ลิซ่า และ BLACKPINK จากทั่วโลก จนทำให้เกิดแฮชแท็ก #RespectLisa ดังกล่าว เป็นแรงสะท้อนให้เห็นถึงการตอบรับและการสนับสนุนต่อไปของแฟนๆ ที่ยังให้การสนับสนุนศิลปิน จนทำให้บริษัทเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้