นายชานนท์ เงินทองดี ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที แกล้งตกเป็นเหยื่อ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนล้วงข้อมูลลับมิจฉาชีพออนไลน์ จนได้จุดสำคัญพร้อมแนะวิธีป้องกันการตกเป็นเหยื่อ
เรียกได้ว่ามิจฉาชีพสมัยใหม่ มีกลอุบายมาหลากหลายรูปแบบที่จะนำมาหลอกเหยื่อเพื่อดูดทรัพย์จนหมดบัญชี และบางคนอาจจะถูกหลอกให้เชื่อใจ กระทั่งหลวมตัวจนทำให้สูญเงินหลายล้านบาทก็มีมาแล้ว ดังนั้นการไม่เป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ หรือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถือว่าดีที่สุด แต่ล่าสุดมีหนุ่มไอทีรายหนึ่งใจกล้า พยายามที่จะเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อที่จะล้วงข้อมูลลับและในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ
จากกรณีที่ นายชานนท์ เงินทองดี ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที และการรักษาความปลอดภัยด้านไอที หรือIT Security มีการทวีตข้อความเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวลงในทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุเล่าว่า เขาพยายามตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่นาน เพื่อจะได้รู้ว่ามันมีกระบวนการหลอกยังไง ให้ลงแอปฯ อะไร จนในที่สุดก็ได้ชื่อแอปฯ นั้นมาจริงๆ
จากการที่ตั้งใจถูกคอลเซ็นเตอร์หลอก และเข้าใจว่า ทำไมแอปฯ ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถึงสามารถดึงข้อมูลและสั่งให้แอปฯ ธนาคารทำธุรกรรมการเงินของเหยื่อได้ และเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะคนเขียนแอปฯ ใช้ Accessibility Service เพื่อควบคุมการโอนเงินจ่ายเงินจากที่อื่นนั่นเอง
- พนง.เฮถ้วนหน้า โรงงาน Ford แจกโบนัสจุกๆ "แบบดุดัน ไม่เกรงใจใคร"
- ฮือฮา หนุ่มดวงมหาเฮง ถูกรางรัลที่1 คนเดียว 144 ล้าน พร้อมเผยที่มาเลขเด็ด
- พนักงานหนุ่มทนไม่ไหว เห็นสาวแต่งตัวมาทำงาน ทำเพื่อนไม่มีสมาธิในการทำงาน
ซึ่งวิธีป้องกันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ง่ายที่สุดคือการไม่โหลดแอปฯ นอกจาก Store ที่เป็นทางการ หรืออย่าลงแอปฯ ผ่าน apk ที่เป็นทางลัดของการไม่ผ่าน Store หรือแม้กระทั่งอย่ากรอกแบบฟอร์มที่คนแปลกหน้าให้มาทั้งสิ้น อีกทั้ง แอปฯ ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถือเป็นแอปฯ ที่น่ากลัวมาก สามารถควบคุมเครื่องเราได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งตัดสัญญาณมือถือได้ แต่ที่ไม่ทำ เพราะกลัวติดต่อกับเหยื่อไม่ได้
ก่อนที่ นายชานนท์ จะทิ้งท้าย ถึงทริกในช่วงที่หลอกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยว่า ตอนที่หลอกคอลเซ็นเตอร์นั้น ได้แสดงละครเป็นคนแก่ ทำอะไรช้าๆ เพื่อให้ฝั่งนั้นตายใจ ถึงสามารถหลอกเอาแอปฯ มาได้ ส่วนสาเหตุที่อีกฝั่งรู้รหัส pin ของเรา เพราะมิจฉาชีพหลอกเราให้กดรหัส และแอบอัดหน้าจอตอนกดรหัส เพื่อไปกดปลดล็อกเองภายหลัง จึงเป็นเหตุที่ทำให้เหยื่อมักสูญเงิน
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews
ความเห็น 0