โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

วช. หนุนผลิตถุงมือยางฆ่าเชื้อโควิด-19

เดลินิวส์

อัพเดต 01 พ.ค. 2564 เวลา 10.51 น. • เผยแพร่ 01 พ.ค. 2564 เวลา 04.01 น. • Dailynews
วช. หนุนผลิตถุงมือยางฆ่าเชื้อโควิด-19
วช. หนุนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผลิตถุงมือยางฆ่าเชื้อด้วยตัวเอง ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมช่วยยกระดับปริมาณการใช้น้ำยางธรรมชาติให้มากขึ้น และส่งผลดีต่อเกษรกรผู้ปลูกยางพารา  

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เกิดความตื่นตัวในการป้องกันการติดเชื้อทั้งในระดับบุคคล องค์กรและสังคม  ภายใต้แผนงานวิจัยการยกระดับการใช้ประโยชน์วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเชิงรุก แผนงานย่อย โครงการต้นแบบการยกระดับคุณภาพ และมาตรฐานด้านการวิจัย และนวัตกรรม ด้านการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ให้ทุนสนับสนุนโครงการวิจัยการพัฒนาถุงมือยางธรรมชาติเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชันป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส Covid-19 เพื่อใช้ในพื้นที่เสี่ยงด่านสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา

ผศ.นพ.วรวิทย์ วาณิชย์สุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ สำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า ปัญหาหนึ่งของการใช้ถุงมือยางในกิจกรรมต่างๆ คือ มีเชื้อโรคติดอยู่ที่พื้นผิวถุงมือยาง แต่กลับไม่เคยมีการศึกษาอย่างจริงจังว่า ถุงมือที่ใช้มีส่วนช่วยในการกระจายเชื้อโรค หรือเป็นพาหะแพร่เชื้อโรคระหว่างบุคคลมากน้อยเพียงใด ดังนั้น เพื่อลดการแพร่เชื้อและหยุดการกระจายเชื้อโรคผ่านถุงมือยาง จึงได้ดำเนินโครงการวิจัยการพัฒนาถุงมือยางธรรมชาติเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชันป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส Covid-19 เพื่อใช้ในพื้นที่เสี่ยงด่านสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก วช. เพื่อผลิตถุงมือยางพาราเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชัน ซึ่งเป็นถุงมือที่สามารถฆ่าเชื้อได้ด้วยตนเอง 

ผศ.นพ.วรวิทย์ กล่าวอีกว่า ผลจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการด้วยการนำถุงมือยางพาราและถุงมือไนไตรที่ผลิตจากยางสังเคราะห์มาเคลือบสูตรน้ำยานาโนอิมัลชัน เพื่อปรับแต่งโครงสร้างพื้นผิวถุงมือยางให้มีคุณสมบัติกำจัดและฆ่าเชื้อโรคด้วยตนเอง คือสารนาโนอิมัลชันที่เคลือบบนถุงมือยางมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราและเชื้อไวรัสได้ ประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้ออยู่ได้ประมาณ 24 ชั่วโมง ตามปริมาณสารเคลือบที่หลุดร่อนจากการใช้งาน ในส่วนของการเตรียมสารเคลือบนาโนอิมัลชันและกรรมวิธีในการเคลือบถุงมือยางได้จดทะเบียนสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว

ในลำดับต่อไปจะร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อผลิตถุงมือยางพาราเคลือบสารนาโนอิมัลชััน 30,000 คู่  เพื่อนำไปทดลองกับคนในสถานที่ปฏิบัติงานจริง กลุ่มเป้าหมายคือผู้ปฎิบัติงานที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพราะเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่นำมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มผู้ปฏิบัติงานในชุมชนต่างๆ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน จึงสามารถสรุปผลการทดลองและส่งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประกอบการพิจารณาเพื่อขอขึ้นทะเบียน และผลิตออกมาจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ ในการเคลือบสารนาโนอิมัลชั่นจะเพิ่มต้นทุนในการผลิตประมาณคู่ละ 0.50-1.00 บาท สำหรับผลที่ได้จากโครงการนี้จะทำให้ถุงมือยางมีความปลอดภัยในการใช้งาน ลดการปนเปื้อน และป้องกันการติดเชื้อจากการสัมผัสลงได้  นอกจากนี้ คาดว่าจะเพิ่มเปอร์เซ็นต์การใช้น้ำยางข้นในประเทศ โดยกระบวนการแปรรูปในระดับอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยางไม่น้อยกว่า 10% ของการใช้น้ำยางข้นแปรรูปในอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชัน

ด้าน ผศ.ดร.เอกวิภู กาลกรณ์สุรปราณี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนายางพารา มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบันในอุตสาหกรรมผลิตถุงมือยางในประเทศไทยผู้ประกอบการส่วนใหญ่นิยมใช้น้ำยางสังเคราะห์มาผลิตเป็นถุงมือยางมากขึ้นเพราะสะดวกต่อการขึ้นรูป ปริมาณการใช้น้ำยางพาราจากธรรมชาติจึงน้อยลง เมื่อเทียบสัดส่วนแล้วมีการใช้น้ำยางสังเคราะห์ 9 ส่วน ในขณะที่ใช้น้ำยางจากธรรมชาติเพียง 1 ส่วนเท่านั้น แต่ในสถานการณ์ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19  ทำให้ความต้องการใช้ถุงมือยางเพื่อป้องกันและลดโอากาสการแพร่เชื้อมีมากขึ้น หากงานวิจัยการพัฒนาถุงมือยางธรรมชาติเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชันป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส Covid-19 ประสบผลสำเร็จ จะทำให้ความต้องการถุงมือยางที่ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติมีมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ จะมีส่วนช่วยยกระดับปริมาณการใช้น้ำยางธรรมชาติให้มากขึ้น และส่งผลดีต่อเกษรกรผู้ปลูกยางพารา

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า ภายใต้ภารกิจสำคัญของ วช. คือ การส่งเสริมวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศด้านการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก วช.ได้สนับสนุนโครงการวิจัยการพัฒนาถุงมือยางธรรมชาติเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชันป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส Covid-19 เพื่อใช้ในพื้นที่เสี่ยงด่านสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อนำวัตถุดิบที่มีอยู่มากในภาคใต้ประจำท้องถิ่นคือ น้ำยางพาราเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการดูแล ป้องกันประชาชนจากการติดเชื้อโรค เและถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัยไปยังชุมชนท้องถิ่นเพื่อยกระดับการผลิต ช่วยสร้างรายได้ให้ประชาชน และตอบสนองความต้องการพัฒนาของท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างยั่งยืน.

 

0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0