นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยถึงแนวทางการส่งเสริมการวิจัยอุตสาหกรรมยางพาราในประเทศไทย เพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ของยางพาราในรูปแบบอื่นว่า ตนให้ความสำคัญกับงานวิจัยเพื่อพัฒนา และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ จากยางพารา ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น เช่น อุตสาหกรรมด้านพลังงาน ด้านสุขภาพ หรือ การแพทย์ โดยผลงานวิจัยต้องสามารถนำไปใช้ได้จริง จะได้เกิดอุตสาหกรรมใหม่และเกิดสตาร์ทอัพสร้างธุรกิจให้คนรุ่นใหม่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หน่วยวิจัยในด้านต่างๆมีมาก อาจจะต้องมาหารือเพื่อร่วมกันทำงานวิจัยให้เป็นระบบ เช่น งานวิจัยเกี่ยวกับยางพารา และ แปรรูปยางพารา เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตยางพารา จนมีผลิตภัณฑ์ที่ออกมาในเชิงพาณิชย์ และสามารถนำมาใช้งานในอุตสาหกรรมจำนวนหนึ่ง เช่น แบริเออร์หุ้มยาง ลดอุบัติเหตุทางจราจร หรือ โครงการวิจัย “หุ่นจำลองยางพาราสำหรับตรวจสอบความถูกต้องปริมาณรังสีจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยเทคนิคการรักษาสามมิติ” ของ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งถ้าเรามาช่วยกันวิจัยน่าจะเกิดผลดีมากขึ้น ล่าสุดได้คุยกับสถาบันวิจัยแห่งชาติ และร่วมกันทำเอ็มโอยูเพื่อกำหนดทิศทางการวิจัย
นายณกรณ์ กล่าวว่า ในส่วนของกยท.ได้ร่วมกับหน่วยงานวิจัยอื่นเพื่อวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น สารช่วยให้น้ำยางจับตัว ช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่น การลดปริมาณโปรตีนในถุงมือยาง เพื่อขยายโอกาสเปิดตลาดของอุตสาหกรรมถุงมือยางธรรมชาติของไทย และผลิตภัณฑ์ยางรูปแบบใหม่เพื่อการเรียนรู้
"จากปัญหาการระบาดของโควิด-19 ทำให้กระแสเรื่องสุขภาพยังเหมือนเดิมในปีนี้ เพราะโควิด-19 ยังอยู่ ความต้องการใช้ถุงมือยางและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใชวัตถุดิบยางพารา จึงยังมีความต้องการสูง อีกทั้งอนาคตเราจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้นกยท.เล็งเห็นว่าจะต้องมีสินค้าที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ โดยนำผลิตภัณฑ์จากยางพาราไปผลิต ซึ่งตอนนี้ก็มีสินค้าอยู่แล้ว เช่น พื้นยางปูพื้นห้องสำหรับผู้สูงอายุ ส่วนในห้องน้ำก็มีผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากยางพารา เช่น ฝาชักโครก , อ่างล้างหน้า พื้นยางปูกันลื่นในห้องน้ำ เป็นต้น ทำให้ยางพาราเริ่มเข้าไปในอุตสาหกรรมพวกนี้สูงตามลำดับ ดังนั้นงานวิจัยจะเข้าไปเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น"นายณกรณ์กล่าว
ผู้ว่าฯกยท.กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยางพาราก็ถูกนำไปใช้มากขึ้นเช่นกัน? อาทิ ฉนวนกันไฟฟ้า ซึ่ง ปีนี้ กยท.ได้ทำเอ็มโอยูกับการไฟฟ้าในการนำยางพาราไปใช้ ทิศทางของเกษตรกรต้องมีการปรับตัวช่วยเหลือตัวเองปรับรูปแบบให้เป็นสตาร์ตอัพมากขึ้น โดยเราจะมีเรื่องเงินทุนช่วยเหลือ VC เข้าไปช่วยสนับสนุนมากขึ้น และ กยท.ยุคใหม่ต้องเป็นธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ Venture Capital (VC) ไปสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ และเกิดสตาร์ทอัพ งานวิจัยจะเข้ามาตอบโจทย์ผู้ประกอบการมากขึ้น
ความเห็น 0