ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ 3 ที่พบวันที่ 21พ.ค.63 ไม่ได้มีแค่ผู้ป่วยต่ำกว่าสิบรายวันแบบธรรมดา เพราะ 2 ใน 3 มีที่ท่าที่ต้องค้นหานัยแห่งเชื้อร้ายที่อาจแพร่กระจายในวงกว้าง
รายแรกเป็นชายไทยวัย 72 มีโรคประจำตัว เบาหวาน มะเร็งปอด ไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพเพื่อรักษาตัว เมื่อ 4 วันที่ผ่านมา แล้วไปตัดผมที่ร้านย่านประชาชื่น วันที่ 18 พ.ค.63 มีไข้ ไอ มีเสมหะ เข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนและย้ายมาโรงพยาบาลรัฐเดิมที่รักษาตัวอยู่ วันที่ 20พ.ค.63 ตรวจพบเชื้อ
ชายคนนี้เข้าไปในพื้นที่เสี่ยง 2 จุด โรงพยาบาลและร้านตัดผม !
รายที่สอง ชายวัย 42 สัญชาติเยอรมัน ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีอาการ อยู่กรุงเทพ แต่ไปพักกับญาติที่ จ.ชัยภูมิ ระหว่างวันที่ 30เม.ย.63-8พ.ค.63 พบการติดเชื้อเมื่อวันที่ 18พ.ค.63จากการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน
สอบประวัติเสี่ยง ระหว่างที่อยู่ จ.ชัยภูมิ ญาติคนหนึ่งมีไข้ คอแห้ง แต่ไม่ได้ไปตรวจรักษา ถือเป็นปัจจัยที่ 1 นอกจากนี้ ยังเคยไปเดินห้างสรรพสินค้าที่ จ.ชัยภูมิ ถือเป็นปัจจัยที่ 2 เบื้องต้นสงสัยว่า จ.ชัยภูมิอาจเป็นส่วนหนึ่งของความเสี่ยงที่ทำให้ชายคนนี้ติดเชื้อ
รายที่ 3 เป็นผู้หญิงอายุ 25 ปี ไปเรียนภาษาแล้วเดินทางกลับจากประเทศฟิลิปปินส์วันที่ 13 พ.ค.63 เข้าพักที่สถานกักตัวที่รัฐจัดให้ ตรวจพบเชื้อวันที่ 19 พ.ค. 63 ไม่มีอาการใด ๆ ทั้งนี้ เป็นเพียงรายเดียวของผู้ที่เดินทางกลับจากฟิลิปปินส์ 171 คน ที่มีผลว่าติดเชื้อ
การติดเชื้อของ 2 รายแรก เป็นสิ่งที่ผู้มีหน้าที่รับมือกับปัญหาการระบาดคาดการณ์ว่าจะเกิดรูปแบบทำนองนี้ จึงออกมาตรการเพื่อให้ผู้ใช้บริการในกิจการต่างๆลงบันทึกไว้ว่าไปที่ไหน อย่างไร จะตามตัวได้ที่ไหน
แพลตฟอร์ม ไทยชนะ ที่ร้านค้าต้องขอคิวอาร์โค้ดติดไว้หน้าร้านให้ลูกค้าสแกนเช็กอิน ขาเข้า เช็กเอาต์ขาออก ก็เพื่อกะเก็งได้ง่าย หากใครสักคนติดเชื้อ ก็จะตามหาคนที่อยู่ในข่ายสุ่มเสี่ยงจะได้รับเชื้อหรือเป็นตัวการมารักษาก่อนที่จะสายเกินกาล
ถ้าไม่ลงทะเบียน ก็ต้องประกาศหา พร้อมกับไล่ตามสืบสวนหาคนที่แวะเวียนเฉียดกรายอีกหลายคน และทำให้ผู้ที่ไปธุระแถวนั้นหวั่นใจไปตามกัน อย่างรายที่มีประวัติไปร้านตัดผม คนที่อยู่ในร้านทั้งช่างและลูกค้าคงวุ่นวายใจพักใหญ่
จะใช้บริการร้านไหน ก็ให้ความร่วมมือ หรือถ้าร้านที่จะไปไม่มีคิวอาร์โค้ด ไม่มีการลงทะเบียน ก็ไปที่อื่นเถอะ
การมีผู้ติดเชื้อใหม่ 3 รายทำให้ยอดสะสมเป็น 3,037 ราย หายป่วยเพิ่ม 9 ราย ที่กลับบ้านแล้ว 2,897 ราย ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 84 รายไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม เทียบกับทั้งโลก ไทยอยู่อันดับที่ 70 จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งโลกเกินกว่า 5 ล้านราย เสียชีวิตไป 329,000 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกาครองอันดับ1 ทั้งผู้ป่วยเกือบ 1.6 ล้านราย เสียชีวิตแล้ว 94,994 ราย แต่รายงานล่าสุด บราซิลเป็นประเทศที่ผู้ป่วยรายใหม่มากเป็นอันดับที่ 1 ของโลก 21,472 ราย แทนสหรัฐอเมริกาที่ลงมาเป็นอันดับที่ 2 ผู้ป่วยใหม่ 21,408 ราย
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) รายงานว่าวันที่ 21พค.63 นอกจากมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกมากกว่า 5 ล้านคน ยังเป็นวันที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 1 แสนคนในวันเดียว
เชื้อโควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ที่จะรับมือได้ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่ายโดยเฉพาะประชาชนที่จะเป็นทั้งผู้รับเชื้อ แพร่เชื้อ และเป็นผู้ป่วย ที่หากมีจำนวนมากจนเกินขีดความสามารถของระบบการรักษาพยาบาล ก็จะทำให้การระบาดขยายตัว ควบคุมไม่ได้ และอาจเป็นที่มาของการเปิดเผยงานวิจัยของมหาวิทยาลัยจอร์เจีย ที่ระบุว่า ไวรัสโคโรนา2019 จะอยู่บนพื้นผิวต่างๆ 2-3 วัน และจะตายเร็วขึ้นถ้าโดนความร้อนสูง จึงแนะนำให้จอดรถตากแดด จนมีอุณหภูมิถึง 54องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที เชื้อไวรัส 99.99% จะตาย
งานวิจัยยังสนับสนุนให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัยเมื่อเข้าชุมชน
สำหรับประเทศไทย ที่ค่อยผ่อนคลายอย่างเข้มงวดมาระยะหนึ่งแล้ว และคาดว่าสิ้นเดือน พ.ค.63 จะขยายการผ่อนปรนให้กิจการ/กิจกรรม เปิดดำเนินการได้เพิ่มขึ้น แต่ก็จะยังคงใช้อำนาจตาม พรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 1 เดือน เพื่อห้ามการออกนอกเคหสถานช่วงกลางคืน ซึ่งเชื่อว่าจะลดการแพร่เชื้อได้
ส่วนการเปิดเทอมที่กำหนดไว้ วันที่ 1 กรกฎาคม แม้จะเหลือเวลาอีกกว่า 1เดือน แต่ขณะนี้ กรมอนามัยเริ่มกำหนดแนวทางให้โรงเรียนปฏิบัติเพื่อป้องกันการติดเชื้อในเด็กแล้ว ซึ่งคงมีทั้งการคัดกรอง ตรวจวัดไข้ก่อนเข้าเรียน ต้องสวมหน้ากาก ล้างมือก่อนเข้าห้อง งดแข่งกีฬาสี เด็กเล็กให้แบ่งเป็นกลุ่มย่อยเพื่อสะดวกในการดูแล
และอาจจะขอให้มีการกักตัวผู้ปกครองและเด็กสักระยะก่อนเปิดเทอม โควิด ให้ชีวิตวิถีใหม่ที่ต้องปรับตัวเยอะกว่าที่คิดนะ
ไม่ทำก็จะลำบากเข้าไปใหญ่
ความเห็น 14
Chay Chummano
ระบบขนส่งมวลชนไล่ไปตั้งแต่ วินมอเตอร์ไซด์ รถตู้ รถเมล์ รถไฟ รถไฟฟ้า เรือโดยสาร ควรจะจัดแอปพิเคชั่นให้ผู้โดยสารได้ดาวน์โหลดและเช็คอินในการเดินทางด้วยครับ ขอบคุณครับ
23 พ.ค. 2563 เวลา 00.47 น.
🍃
มึงกลัวทุกอย่างก็ปิดบ้านปิดเมืองไปเลย ไอ้ขี้ข้าเผด็จการ
22 พ.ค. 2563 เวลา 10.04 น.
sirikorn
ใครกลัวก้อยุ่แต่ในบ้านไม่ต้องออกไปไหนนะ
22 พ.ค. 2563 เวลา 09.18 น.
sirikorn
ตกงานน่ากลัวกว่าพี่โคนะคุนหมอ
22 พ.ค. 2563 เวลา 09.15 น.
ปุ๊
ต้องปลงล่ะ!ถ้าไม่อยากให้ติดก็ปิดสถานที่เหมือนเดิมแล้วเศรษฐกิจจะเดินได้อย่างไร
22 พ.ค. 2563 เวลา 06.58 น.
ดูทั้งหมด